การโฆษณา เครื่องมือการสื่อสารการตลาดประเภทหนึ่งที่องค์กรธุรกิจ กล้องวงจรปิดถูก นิยมใช้อย่างแพร่หลาย เนื่องจากการโฆษณาสามารถมีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคได้ค่อนข้างมาก
เพื่อการนำข้อมูลข่าวสารของสินค้าหรือบริการให้ผู้บริโภครู้จัก สร้างทัศนคติที่ดีในตราสินค้าหรือองค์กร กระตุ้นให้เกิดการซื้อและการใช้สินค้าหรือบริการ ตลอดจนสร้างความจดจำและความภักดีในตราสินค้าอย่างต่อเนื่อง
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
กล้องวงจรปิด Hikvision
ความหมายของโฆษณา
สถาบันที่เกี่ยวข้องและนักวิชาการได้ให้ความหมายของการโฆษณาไว้พอสรุปได้ดังนี้ การโฆษณา หมายถึง รูปแบบของการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจให้กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายเกิดการตอบสนองตามที่ผู้โฆษณาต้องการ
ซึ่งในการนำเสนอข่าวสารนั้นอาจเป็นการส่งเสริมแนวคิด สินค้า หรือบริการก็ได้ แต่ทั้งนี้จะต้องมีการชำระเงินและผ่านสื่อที่ไม่ใช่ตัวบุคคล โดยมีการระบุชื่อผู้ส่งสารหรือผู้โฆษณาด้วย
วัตถุประสงค์ของการโฆษณา
เครื่องมือสำคัญของการสื่อสารการตลาดขององค์กรคือการโฆษณา โดยองค์กรธุรกิจต่าง ๆ สามารถนำการโฆษณามาใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการดังนี้
- เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารความรู้ในตัวผลิตภัณฑ์ การโฆษณาสามารถให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับตัวสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นวิธีใช้ คุณประโยชน์ ราคา
ช่องทางการจัดจำหน่าย และรายการส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ ของสินค้าและบริการ - เพื่อบอกความแตกต่างในตัวผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายจากคู่แข่งขัน การโฆษณาสามารถเป็นเครื่องมือในการนำเสนอความแตกต่างของสินค้าและบริการจากคู่แข่งขัน
ทำให้ผู้บริโภคเป้าหมายทราบว่าตราสินค้านั้นมีความเหนือกว่าตราสินค้าคู่แข่งอย่างไรบ้าง - เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ/ใช้ผลิตภัณฑ์ การโฆษณาสามารถนำมาใช้ในการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการตัดสินใจซื้อ / ใช้ตราสินค้านั้นได้ สังเกตเห็นได้ว่าสินค้าที่โฆษณามักจะมียอดขายที่สูงกว่าสินค้าที่ไม่ได้โฆษณา
- เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตราสินค้า การโฆษณานอกจากจะช่วยกระตุ้นการซื้อ / ใช้สินค้าและบริการแล้ว วัตถุประสงค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตราสินค้า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ในรูปแบบของการโฆษณาเพื่อสร้างภาพลักษณ์องค์การ ช่วยให้ผู้บริโภคเป้าหมายเกิดการตีความในเชิงบวกกับตราสินค้าหรือชื่อองค์กร นำไปสู่การสร้างทัศนคติที่ดีให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ - เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้สูงขึ้น การโฆษณาสามารถเพิ่มช่องทางให้กว้างยิ่งขึ้น การสร้างการยอมรับให้กับผู้จัดจำหน่ายต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น สินค้าที่โฆษณามักเป็นสินค้าที่ผู้บริโภครู้จัก
จึงทำให้ผู้จัดจำหน่ายมีความมั่นใจว่าสินค้านั้นย่อมจะขายได้ มีแนวโน้มที่จะยอมรับเอาสินค้านั้นมาวางขายเพิ่มมากขึ้น - เพื่อสร้างความภักดีในตราสินค้า การโฆษณานอกจากนำมาใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของสินค้าใหม่ที่เพิ่งออกสู่ตลาดแล้ว ยังสามารถนำมาใช้กับสินค้าที่ผู้บริโภครู้จักเป็นอย่างดี
เพื่อให้ผู้บริโภคยังคงซื้อ / ใช้สินค้าและบริการนั้นอย่างต่อเนื่องและไม่เปลี่ยนใจไปใช้ของคู่แข่ง การโฆษณาช่วยย้ำเตือนให้รู้ว่าสินค้านั้นยังคงมีอยู่ในตลาด
และยังสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดียิ่ง โดยไมจำเป็นจะต้องเปลี่ยนไปใช้ตราสินค้าอื่น - เพื่อช่วยละต้นทุนด้านการขายให้ต่ำลงเมื่อเทียบกับจำนวนกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย การโฆษณาสามารถลดต้นทุนการขายให้ต่ำลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโฆษณาผ่านสื่อมวลชน ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์ เป็นต้น สื่อที่เข้าถึงผู้รับสารจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยเป็นต้นทุนที่ต่ำ
เมื่อเทียบกับการใช้เครื่องมือส่งเสริมการตลาดประเภทอื่น ๆ เช่น การใช้พนักงานขาย หรือ การตลาดทางตรง จะเสียต้นทุนเฉลี่ยที่แพงมาก - เพื่อช่วยสร้างคุณค่าตราสินค้าให้เป็นที่ยอมรับแก่ผู้บริโภค การโฆษณาช่วยสร้างคุณค่าของสินค้าให้เกิดขึ้นในจิตใจของผู้บริโภคได้ ทำให้ผู้บริโภคได้รู้จักตราสินค้าเกิดการรับรู้ในคุณภาพของตราสินค้า
เกิดการเชื่อมโยงภาพลักษณ์ของตราสินค้าในเชิงบวก และเกิดความภักดีในตราสินค้า ซึ่งผลของกระบวนการเหล่านี้ย่อมจะช่วยเสริมสร้างคุณค่าตราสินค้าให้อยู่ในใจของผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืน
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
การสร้างสรรค์งานโฆษณา
การพัฒนากลยุทธ์การสร้างสรรค์ในงานโฆษณา กล้องวงจรปิดถูก นักสื่อสารการตลาดควรทำการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นในการสร้างสรรค์หรือออกแบบสารโฆษณาให้อยู่ในรูปของเอกสารสรุปประเด็นสำคัญอาจเรียกต่างกัน
แต่เอกสารเหล่านี้จะประกอบไปด้วยข้อมูลพื้นฐานต่าง ๆ ของตราสินค้าและผู้บริโภคเป้าหมายที่จะเป็นพื้นฐานต่อการนำไปสร้างสรรค์งานโฆษณาต่อไป นักการสื่อสารไม่ได้เป็นผู้สร้างงานโฆษณาด้วยตนเอง
หรือบริษัทตัวแทนโฆษณาเป็นผู้ดำเนินการ แต่นักสื่อสารการตลาดก็ควรมีความรู้ความเข้าใจในการสร้างสรรค์ชิ้นงานโฆษณาด้วย
เพื่อที่จะสามารถสื่อสารกับฝ่ายโฆษณาได้อย่างถูกต้องและเกิดความเข้าใจร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสรุปได้ 3 ขั้นตอน ดังนี้
- การกำหนดวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร ต้องสามารถระบุได้ว่าชิ้นงานโฆษณานั้นต้องการให้ผู้บริโภคเป้าหมายเกิดการตอบสนองอย่างไร
นักสื่อสารการตลาดสามารถนำแบบจำลองทางการสื่อสารโฆษณามาใช้ในการกำหนดวัตถุประสงค์ได้ - การหาข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคเป้าหมาย ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคสินค้าของผู้บริโภคเป้าหมาย ได้แก่ แรงจูงใจ ความต้องการ การรับรู้ การเรียนรู้ ทัศนคติ และความเชื่อ เป็นต้น
ข้อมูลเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคทั้งสิ้น ขั้นตอนนี้นักสร้างสรรค์งานโฆษณาอาจทำการศึกษาวิจัยด้วยตนเอง
ข้อมูลเชิงลึกนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการนำมากำหนดแนวคิดหลักทางการโฆษณา เป็นการตอบคำถามที่ว่า “ทำไมผู้บริโภคจึงจำเป็นจะต้องซื้อตราสินค้านี้”
และ “ตราสินค้านี้สามารถตอบสนองความต้องการหรือแก้ไขปัญหาของผู้บริโภคได้อย่างไร” - การเลือกกลยุทธ์และกลวิธีในการเสนอขาย นักสื่อสารการตลาดได้ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาคือการกำหนดกลยุทธ์และกลวิธีในการเสนอขายที่เหมาะสม
ในขั้นตอนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการกำหนดกลยุทธ์การสร้างสรรค์ และ การกำหนดกลวิธีการนำเสนอ
กลยุทธ์การสร้างสรรค์ การกำหนดข่าวสารหลักของสินค้าและบริการที่ต้องการจะสื่อสารไปยังผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำและนำไปสู่การตัดสินใจซื้อหรือบริการตามที่นักสื่อสารการตลาดตั้งใจไว้
การกำหนดกลวิธีการนำเสนอ ในการนำเสนองานโฆษณานั้น นักสื่อสารการตลาดควรกำหนดกลวิธีในประเด็นต่อไปนี้ น้ำเสียงและลีลาการเสนอขาย จุดดึงดูดใจ สไตล์การนำเสนอ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
สื่อโฆษณา
ความจำเป็นที่จะต้องรู้จักและเข้าใจลักษณะของสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารถเลือกสื่อโฆษณาในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม สื่อโฆษณาสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ดังนี้
- สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่หนังสือพิมพ์ นิตยสาร แผ่นพับ และโปสเตอร์ เป็นต้น
- สื่อกระจายเสียงและภาพ ได้แก่ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และเคเบิลทีวีต่าง ๆ เป็นต้น
- สื่อกลางแจ้งหรืออาจเรียกว่าสื่อนอกสถานที่ ได้แก่ ป้ายข้างรถประจำทาง ป้ายสามเหลี่ยม ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ สื่อรถสาธารณะ สื่อป้ายโฆษณาหลอดไฟกระพริบ เละสื่อโฆษณาบนตึก เป็นต้น
- สื่อโฆษณาประเภทอื่น ๆ ได้แก่ สื่อในโรงภาพยนตร์ สื่ออินเทอร์เน็ต จดหมายทางตรง สื่อโฆษณาแบบตอบกลับทันที คูปอง สื่อโฆษณาในตู้โทรศัพท์ สื่อโฆษณาในร้านค้า สื่อกิจกรรม สื่อโฆษณา ณ จุดซื้อ เป็นต้น
ในปัจจุบัน ทางปฏิบัติบริษัทตัวแทนโฆษณามักนิยมแบ่งสื่อโฆษณาออกเป็น 2 ประเภทคือ
- สื่อ ที่ใช้สื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภคเป้าหมาย ได้แก่ วิทยุโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียง หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และภาพยนตร์
- สื่อ การใช้สื่ออื่น ๆ ที่ไม่ใช้สื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภคเป้าหมาย ได้แก่ การจัดกิจกรรมพิเศษ สื่อโฆษณากลางแจ้ง
สื่อโฆษณา ณ จุดซื้อจุดขาย สื่อโฆษณาในร้านค้าปลีก การจัดทำของที่ระลึก และการใช้สื่อออนไลน์ เป็นต้น
สื่อโฆษณาสามารถแบ่งได้ออกเป็นหลายประเภทข้างต้น แต่สื่อโฆษณามีคุณสมบัติร่วมกันดังนี้คือ
- เป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงคนจำนวนมาได้อย่างกว้างขวางในเวลาอันรวดเร็ว
- เป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยราคาประหยัดเมื่อคิดเฉลี่ยต่อหัว ถ้าเข้าถึงด้วยวิธีอื่น ๆ จะเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- เนื้อหาของสื่อแต่ละประเภทสามารถบอกได้ว่าเหมาะสมกับผู้บริโภคกลุ่มใด
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
นักสื่อสารการตลาดจึงสามารถเลือกสื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้ คุณสมบัติของสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ ที่สำคัญที่นักสื่อสารการตลาดจำเป็นจะต้องทราบ ดังนี้
- หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นพับซ้อนกัน ไม่ได้เย็บเล่ม มีกำหนดออกเป็นระยะเวลาที่แน่นนอน มีวัตถุประสงค์หลักคือ การแจ้งข่าวสาร เสนอความคิดเห็น
ความบันเทิง ประกาศแจ้งความ และโฆษณา การโฆษณาในหนังสือพิมพ์ถือว่าเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่นิยมใช้กันมาก สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมาก มีข้อได้เปรียบและข้อจำกัด ดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- มีความครอบคลุมสูงและสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้จำนวนมาก
- สามารถใส่เนื้อหารายละเอียดได้มาก
- ต้นทุนไม่แพงเมื่อเปรียบเทียบกับสื่อโทรทัศน์
- ผู้รับสารมีความตั้งใจอ่าน
- สามารถเลือกหน้าหรือเนื้อที่โฆษณาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายได้
- สามารถเลือกใช้เพื่อเข้าถึงผู้รับสารตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้
- มีความยืดหยุ่นสูงในการจองเนื้อและสร้างสรรค์งานโฆษณา
- เข้าถึงผู้อ่านและสามารถวัดผลการโฆษณาได้รวดเร็ว
ข้อจำกัด
- คุณภาพการพิมพ์ต่ำ พิมพ์ด้วยกระดาษราคาถูก ทำให้สีสันไม่ดึงดูดใจ
- ไม่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้มากนัก จะเข้าถึงกลุ่มคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้น
- เป็นสื่ออายุสั้น การจัดพิมพ์มีการพิมพ์ออกมาเป็นรายวัน
- มีโฆษณากระจุกตัวอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ข่าวสารโฆษณาแต่ละชิ้นไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
- นิตยสาร สิ่งพิมพ์ที่ออกเป็นประจำ จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มสมบูรณ์ ประกอบด้วยเนื้อหาสารคดี บันเทิงคดี ข่าว และโฆษณา นับเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีการเติบโตสูงมาก
เนื่องจากเป็นสื่อที่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายในการเข้าถึงได้เป็นอย่างดี เช่น นิตยสารสำหรับผู้หญิงทำงาน ผู้ชายรักสุขภาพ สำหรับวัยรุ่น กลุ่มคนที่ชอบแข่งรถ
หรือสำหรับกลุ่มคนที่ชอบเล่นกีฬา เป็นต้น มีข้อได้เปรียบและข้อจำกัด ดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- คุณภาพการพิมพ์สวย
- อายุนานกว่าหนังสือพิมพ์
- สามารถเลือกกุล่มเป้าหมายได้
- สร้างสรรค์โฆษณาได้หลายรูปแบบ
- เหมาะสมกับการลงโฆษณาในรูปของบทความแฝงโฆษรา
ข้อจำกัด
- มีราคาแพง เป็นการใช้กระดาษที่มีคุณภาพมากกว่าหนังสือพิมพ์ ทำให้ต้นทุนสูง
- เป็นสื่อที่มีโฆษณากระจุกตัวสูงมาก ทำให้ชิ้นงานโฆษณาต่าง ๆ ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
- ต้องจองพื้นที่ล่วงหน้าเป็นเวลานานกว่าหนังสือพิมพ์
- เข้าถึงผู้อ่านจำนวนน้อยกว่าหนังสือพิมพ์
- ไม่สามารถสร้างความถี่ในการเปิดรับสารโฆษณาได้มากนัก
- วิทยุกระจายเสียง เป็นสื่อที่มีความครอบคลุมสูงเกือบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างกว้างขวาง ปัจจุบันมีสถานีที่ให้นักสื่อสารการตลาดสามารถเลือกลงมากทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เป็นระบบเอเอ็มและเอฟเอ็ม สื่อวิทยุกระจายเสียงมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัด ดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- มีความครอบคลุมสูง สามารถเข้าถึงผู้ฟังได้จำนวนมากทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด
- ต้นทุนต่ำ ทั้งในด้านค่าสื่อและค่าผลิต
- สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ตามรายการต่าง ๆ
- มีความยืดหยุ่นสูงและมีความรวดเร็ว
- สามารถใส่รูปแบบในการทำกิจกรรมทางการตลาดได้มาก
- ประชาชนที่อ่านหนังสือไม่ออก หรือมองไม่เห็น ก็สามารถเปิดรับสื่อวิทยุกระจายเสียงได้
- สื่อวิทยุกระจายเสียงเป็นสื่อที่สามารถเคลื่อนที่ได้
- เป็นสื่อที่สร้างการยอมรับได้ง่าย
ข้อจำกัด
- ขาดความน่าสนใจเพราะมีเพียงเสียงเท่านั้น ไม่มีภาพประกอบ
- ผู้ฟังมักไม่ได้ตั้งใจขณะเปิดรับ เพราะทำกิจกรรมอย่างอื่นร่วมอยู่ด้วย
- ข่าวสารมีอายุสั้น เพราะเมื่อออกอากาศไปแล้ว ก็ถือว่าจบไปแล้ว
- ผู้ฟังสามาร่ถเปลี่ยนสถานีได้ง่ายเมื่อมีโฆษณา
- วิทยุโทรทัศน์ สื่อที่สร้างผลกระทบในทางการสื่อสารได้มากที่สุด เป็นสื่อที่มีความครอบคลุมสูง ที่มีทั้งภาพ เสียง และการเคลื่อนไหว และสามารถที่ใส่ความน่าสนใจต่าง ๆ ลงไปได้อย่างมาก
ปัจจุบันนับว่ามีรายการในรูปแบบที่หลากหลาย และมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันทำให้สามารถเลือกลงโฆษณาในรายการต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
สื่อวิทยุโทรทัศน์นับเป็นสื่อที่มีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก มีข้อได้เปรียบและข้อจำกัด ดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- สร้างผลกระทบทางการสื่อสารได้สูงกว่าสื่ออื่น ๆ เป็นสื่อที่มีทั้งภาพ เสียง และการเคลื่อนไหว
- มีความคุ้มค่าด้านต้นทุน
- สามารถเลือกรายการในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มาก
- เป็นสื่อที่มีอิทธิพลสูงมาก เพราะประชาชนติดตามตลอดเวลา
- เข้าถึงผู้บริโภคได้ในวงกว้าง
- สามารถสร้างความถี่ในการโฆษณาได้เป็นอย่างดี
ข้อจำกัด
- อายุสั้น เพราะเมื่อออกอากาศไปแล้ว ก็ถือว่าจบไป
- ต้นทุนสูงมากทั้งในด้านการผลิตและราคาสื่อ
- มีการกระจุกตัวสูงมาก
- ต้องใช้ผู้ชำนาญการในการผลิตและการซื้อสื่อโฆษณา
- ขาดความยืดหยุ่นในการกำหนดตารางสื่อโฆษณา
- สื่อกลางแจ้งหรือสื่อนอกสถานที่ เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก มีความยืดหยุ่นสูง และราคาไม่แพงเท่ากับการโฆษณาในสื่อมวลชน
ปัจจุบันมีรูปแบบของการโฆษณาในสื่อประเภทนี้มากมาย ได้แก่ ป้ายข้างรถประจำทาง ป้ายสามเหลี่ยม ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ สื่อรถตุ๊กตุ๊ก สื่อรถแท็กซี่ สื่อรถไฟฟ้า
ป้ายโฆษณาขนาดเล็ก สื่อป้ายโฆษณาหลอดไฟกระพริบ สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ เป็นต้น ซึ่งมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- เข้าถึงและสร้างความถี่ได้สูง เป็นสื่อกลางแจ้งที่ประชาชนเห็นได้ตลอดเวลาและไม่จำกัดจำนวนครั้ง
- มีความยืดหยุ่นสูง ไม่จำกัดว่าจะเป็นสี ขนาด ตัวอักษร หรืออาจเพิ่มกราฟิกที่น่าสนใจลงไปได้
- เหมาะกับการสื่อสารโดยตรงกับผู้บริโภคในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง
- มีผลกระทบสูง โดยทั่วไปมีขนาดใหญ่ ภาพ และข้อความที่ปรากฏอยู่จึงต้องมีขนาดใหญ่
- มีต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับสื่อประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะสื่อมวลชน
ข้อจำกัด
- การวัดประสิทธิผลของสื่อทำได้ยาก
- ไม่สามารถใส่รายละเอียดได้มาก
- ประชาชนบางกลุ่มต่อต้านสื่อโฆษณากลางแจ้ง
- อาจทำให้ภาพลักษณ์ของตราสินค้าเสียหายได้
- การเลือกกลุ่มเป้าหมายเฉพาะทำได้จำกัด
- สื่อโรงภาพยนตร์ นับเป็นการโฆษณาที่มีผลกระทบสูงมาก เป็นสื่อที่มีทั้งภาพ เสียง การเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน มีลักษณะเช่นเดียวกับการโฆษณาในสื่อวิทยุโทรทัศน์
จะมีขนาดใหญ่กว่ามากและระบบเสียงในโรงภาพยนตร์จะช่วยสร้างอารมณ์ ความตื่นเต้น ความประทับใจได้ดีกว่า ปัจจุบันมักอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งจับจ่ายของเขตเมือง
ทำให้ผู้บริโภคที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจหันมาชม ภาพยนตร์กันมากยิ่งขึ้น การโฆษณาในโรงภาพยนตร์มีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- เป็นสื่อที่สร้างอารมณ์ร่วมได้ดี สร้างความรู้สึกประทับใจ และทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์คล้อยตามได้ง่าย
- สามารถใส่รูปแบบในการโฆษณาได้หลากหลาย
- เหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่อายุระหว่าง 15 – 24 ปี เป็นช่วงวัยที่ชมภาพยนตร์มากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ
- ผู้ชมตั้งใจในการเปิดรับโฆษณาสูง
ข้อจำกัด
- ปัจจุบันค่าชมโฆษณาราคาสูงมาก
- ไม่เหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคในเขตชนบท ผู้มีรายได้น้อย และผู้สูงอายุ
- เป็นการโฆษณาซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ ครั้ง อาจทำให้เกิดความเบื่อหน่าย
- สื่อโฆษณา ณ จุดซื้อ หรืออาจเรียกว่าสื่อโฆษณาในร้านค้า เป็นวิธีการที่พยายามเข้าถึงประชาชนแม้ยในขณะกำลังซื้อสินค้า โดยใช้การจัดแสดง ณ จุดซื้อและขาย
เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจและตัดสินใจเข้าไปซื้อสินค้า เราจึงเห็นสื่อโฆษณาประเภทนี้ในบริเวณที่มีการจำหน่ายสินค้า เช่น ห้างสรรพสินค้า
บริเวณที่จำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ เป็นต้น รูปแบบของสื่อโฆษณา ณ จุดซื้อมีมากมาย เช่น การจัดวางสินค้า ป้ายผ้า ป้ายแขวน ป้ายจัดแสดงที่ร้านค้า ป้ายลดราคา รายการวิทยุในร้านค้าปลีก
เครื่องแบบพนักงานภายในร้าน การนำไปมาประดับตกแต่งร้าน เป็นต้น นับว่าได้รับความนิยมจากผู้ผลิตสินค้าและบริการค่อนข้างมากในปัจจุบัน
สามารถโน้มน้าวใจและผลักดันให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าได้สูง โดยมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- เป็นสื่อที่มีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคในร้านค้า
- สามารถใช้เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคทดลองสินค้าใหม่ หรือจูงใจให้เปลี่ยนมาใช้ตราสินค้าที่เขาไม่ได้ตั้งใจซื้อ
- มีความยืดหยุ่นสูงและมีรูปแบบที่หลากหลาย สามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
- เป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมการขายร่วมกับร้านค้าปลีกได้อย่างดียิ่ง
ข้อจำกัด
- ต้องพยายามออกแบบให้น่าสนใจ
- ร้านค้าปลีกอาจมองว่าเป็นการเกะกะพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้า
- สื่ออินเทอร์เน็ต เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้สามารถเข้าถึงสื่อเพิ่มสูงขึ้นและสื่ออินเทอร์เน็ตกลายเป็นสื่อสำคัญที่ผู้ผลิตสินค้าและบริการนิยมใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
นับว่ามีหน้าที่ที่สำคัญ 2 ประการคือ หน้าที่ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และ หน้าที่ในการสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคได้ สื่ออินเทอร์เน็ตมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัดดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- เป็นสื่อที่ผู้บริโภคสามารถเข้าได้ไม่จำกัดเวลาและสถาที่
- ค่าใช้จ่ายต่ำเมื่อเทียบกับการใช้สื่อมวลชนประเภทอื่น ๆ
- สามารถดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี
- เป็นสื่อที่สามารถมีปฏิกิริยาตอบกลับได้ในเวลาอันรวดเร็ว
- เหมาะกับการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเยาวชน
- มีความยืดหยุ่นสูง เพราะสามารถปรับเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอที่หลากหลาย
- ประเมินผลได้ง่าย
- สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้เฉพาะเจาะจงค่อนข้างสูง
- เป็นสื่อที่มีความเป็นส่วนบุคคลสูง
ข้อจำกัด
- ปัจจุบันมีการโฆษณาในเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก อาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความเบื่อหน่ายและรำคาญ
- เป็นสื่อที่จะเข้าถึงเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้อินเทอร์เน็ตเท่านั้น
- หากออกแบบไม่น่าสนใจ ย่อมทำให้ผู้บริโภคเพิกเฉยต่อสื่อโฆษณาได้
- ต้องคอยปรับเนื้อหาในสื่อโฆษณาในทันสมัยอยู่เสมอ
ในปัจจุบันการโฆษณาบนสื่ออินเทอร์เน็ตสามารถทำได้หลายรูปแบบ ได้แก่ การจัดทำเว็บไซต์ของตนเองเพื่อให้ข้อมูลของผลิตภัณฑ์โดยตรง การส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์
การสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบที่ใช้ นักสื่อสารการตลาดควรที่จะเลือกรูปแบบที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการเปิดรับสื่อโฆษณาของกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายเป็นสำคัญ
- สื่อโฆษณาจดหมายทางตรง การส่งข่าวสารการโฆษณาไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายโดยตรงทางไปรษณีย์ ปัจจุบันการโฆษณาทางไปรษณีย์ยังเป็นเครื่องมือหนึ่งของการตลาดแบบตรง
นักการตลาดนิยมใช้ค่อนข้างมากการโฆษณาโดยสื่อจดหมายทางตรงมีข้อได้เปรียบและข้อจำกัด ดังนี้
ข้อได้เปรียบ
- เป็นสื่อที่ทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญและเปิดอ่านได้ง่าย เป็นการจ่าหน้าซองถึงชื่อของผู้รับโดยตรง
- เป็นสื่อที่มีความเป็นส่วนบุคคลสูง ทำให้คู่แข่งไม่สามารถรู้กลยุทธ์ของเราได้
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถออกแบบในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแผ่นพับ โบรชัวร์ จดหมาย หรือสิ่งพิมพ์อื่น ๆ
- เป็นสื่อที่สามารถเลือกผู้บริโภคเป้าหมายอย่างเจาะจงได้ดีมาก
- เป็นสื่อที่วัดผลได้ง่าย
ข้อจำกัด
- มีภาพลักษณ์ที่ดูเป็นจดหมายขยะ
- ต้องมีฐานข้อมูลในด้านชื่อและที่อยู่ของลูกค้าที่ทันสมัย เพื่อที่ส่งได้ถึงมือผู้รับ
- ต้นทุนต่อผู้บริโภคเป้าหมายแต่ละคนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเภทอื่น
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
การประเมินผลการโฆษณา
เมื่องานโฆษณาเผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว กระบวนการโฆษณายังถือว่าไม่สิ้นสุด นักสื่อสารการตลาดจะทำการประเมินงานโฆษณาที่ลงไว้ด้วยถือเป็นขั้นตอนสำคัญ
เพราะนักสื่อสารการตลาดจะนำข้อมูลที่ได้จากการประเมินผลมาพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การวิจัยประเมินผลงานโฆษณา
หมายถึงการวัดผลของประสิทธิภาพในการโฆษณาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของชิ้นงานโฆษณา รายละเอียดของงานโฆษณา หรือด้านการติดต่อสื่อสารในช่วงเวลาหนึ่ง จะทำได้ใน 2 ลักษณะคือ
- การวิจัยเพื่อวัดผลกระทบทางการสื่อสาร เป็นการประเมินชิ้นงานโฆษณานั้นสามารถสื่อสารไปยังผู้บริโภคเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
การประเมินในลักษณะนี้มักจะเป็นการประเมินในด้านการรับรู้ ความรู้ความเข้าใจ ทัศนคติ ความเชื่อมั่น และความตั้งใจซื้อ ซึ่งเป็นไปตามแบบจำลองทางการสื่อสารการโฆษณาที่นักสื่อสารการตลาดนำมากำหนดวัตถุประสงค์ - การวิจัยเพื่อวัดผลกระทบทางยอดขาย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาว่าผลของการโฆษณาจะช่วยเพิ่มยอดขายของสินค้าและ บริการมากน้อยเพียงใด
การวัดผลยอดขายนับว่าเป็นเรื่องยากกว่าการวัดผลกระทบทางการสื่อสาร เนื่องจากยอดขายได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยไม่ใช่ได้รับจากการโฆษณาเพียงอย่างเดียว เช่น อาจมาจากเศรษฐกิจ ราคา คุณภาพของสินค้า
กลยุทธ์ของคู่แข่ง และความครอบคลุมในการกระจายสินค้า เป็นต้น ปัจจัยที่นักสื่อสารการตลาดไม่สามารถควบคุมได้ ปัจจุบันเริ่มหันมาสนใจการวัดประสิทธิผลของการโฆษณาจากยอดขายมากยิ่งขึ้น
เพื่อพิจารณาว่าบริษัทควรจะเพิ่มงบประมาณการโฆษณาหรือควรลดลง เสนอวิธีการวัดประสิทธิผลของโฆษณาจาก “อัตราส่วนประสิทธิผลการโฆษณา” วัดจาก
สัดส่วนของงบโฆษณาของบริษัทหรืออาจเรียกว่าสัดส่วนเสียงกับส่วนครองตลาดของขืบริษัท
การวิจัยประเมินผลการโฆษณามีหลายวิธี การจะเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ วัตถุประสงค์การตลาด วัตถุประสงค์การโฆษณา
งบประมาณบุคลากร นโยบายของบริษัท และกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประเมินจะต้องพิจารณาตัดสินใจว่าควรจะใช้วิธีการใดหรืออาจใช้หลายวิธีร่วมกัน
ถึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์นั้น เพื่อให้การวัดประสิทธิผลมีความถูกต้องแม่นยำและมีความเชื่อถือได้มากที่สุด
ดังนั้น การโฆษณา จึงหมายถึง รูปแบบของการสื่อสารเพื่อโน้มน้าวใจให้กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายเกิดการตอบสนองตามที่ผู้โฆษณาต้องการ ในการนำเสนอข่าวสารนั้นเป็นการส่งเสริมแนวคิด
สินค้าหรือบริการ นับเป็นเครื่องสำคัญของการสื่อสารการตลาดขององค์กรธุรกิจ สามารถนำการโฆษณามาใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ
เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารความรู้ในตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อบอกความแตกต่างในตัวผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายจากคู่แข่ง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ / ใช้ผลิตภัณฑ์
เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตราสินค้า เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายให้สูงขึ้น เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านการขายให้ต่ำลง การพัฒนากลยุทธ์การสร้างสรรค์งานโฆษณา สามารถสรุปได้ 3 ขั้นตอนได้แก่
การกำหนดวัตถุประสงค์ของการสื่อสาร การหาข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคเป้าหมาย และการเลือกกลยุทธ์และกลวิธีในการเสนอขาย นักสื่อสารการตลาดมีความจำเป็นที่จะต้องรู้จักและเข้าใจลักษณะของสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ
เพื่อที่จะสามารถเลือกสื่อโฆษณาในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม การประเมินผลงานโฆษณาจะทำได้ใน 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ การวิจัยเพื่อวัดผลกระทบทางการสื่อสาร และการวิจัยเพื่อวัดผลกระทบทางยอดขาย
การเลือกใช้วิธีใดย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ วัตถุประสงค์ทางการตลาด วัตถุประสงค์การโฆษณา งบประมาณ นโยบายของบริษัท และ กลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น
ผู้ประเมินจะต้องพิจารณาตัดสินใจว่าควรจะใช้วิธีการใดหรืออาจใช้หลายวิธีร่วมกันถึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์นั้น เพื่อให้การวัดประสิทธิผลมีความถูกต้องแม่นยำและมีความเชื่อถือได้มากที่สุด
Related link : รั้วไฟฟ้ากันขโมย สัญญาณกันขโมยไร้สายราคาถูก
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542