การทํางานกล้องวงจรปิด และความปลอดภัยด้านเครื่องจักรกล

ในกระบวนการผลิตเครื่องจักรนับว่าเป็นปัจจัยหลักของสถานประกอบการช่วยให้การผลิตดำเนินการไปได้อย่างรวดเร็วและได้ผลิตภัณฑ์ตามที่ต้องการ

ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำเอา CCTV เข้ามาช่วย ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร จึงได้ให้คำกำจัดความของเครื่องจักร ดังนี้

เครื่องจักร หมายถึง สิ่งที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนสำหรับก่อให้เกิดพลังงานเปลี่ยนหรือแปลงสภาพพลังงาน  หรือส่งพลังงาน ด้วยกำลังน้ำ ไปน้ำ หรือพลังลม แก๊ส ไฟฟ้า หรือพลังงานอื่น ๆ

หรืออย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันและรวมถึงเครื่องอุปกรณ์ ไฟลวีล พุลเล่ สายพาน เพลา เกียร์ หรือสิ่งอื่นที่ทำงานสัมพันธ์กัน และ รวมถึงเครื่องมือกลด้วย

 

การทํางานกล้องวงจรปิด

 

ในโรงงานอุตสาหกรรมไม่สามารถใช้เครื่องจักรประเภทต่าง ๆ ได้ตามลำพังจะต้องมีคนเป็นผู้ดูแลหรือเรียกว่าผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งต้องทำงานอยู่กับเครื่องจักรตลอดเวลา

การทำงานของเครื่องจักรได้ก่อให้เกิดอันตรายการบาดเจ็บต่าง ๆ แก่ผู้ปฏิบัติงาน จึงมีความจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเครื่องจักร หมายถึงส่วนประกอบที่ติดตั้งมากับเครื่องจักรหรืออาจทำขึ้นภายหลัง

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้เครื่องจักร ดังนั้นอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเครื่องจักรหมายถึงสิ่งใด ๆ ทีส่งผลให้เครื่องจักรมีลักษณะที่ปลอดภัยต่อการปฏิบัติงานอย่างปกติ

ไม่มีผลต่อสมรรถนะในการทำงานและเป็นการเพิ่มผลผลิตของเครื่องจักรนั้นหรือมีผลต่อความชำนาญของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องจักรซึ่งมีหน้าที่สำคัญคือ

• การป้องกันอันตรายจาการสัมผัสกับส่วนของเครื่องจักรที่มีการทำงานอยู่
  
  
• การป้องกันอันตรายจากกระบวนการผลิต
  
  
• การป้องกันอันตรายจากความบกพร่องของเครื่องจักร
  
  
• การป้องกันอันตรายเนื่องจากความบกพร่องความพลั้งเผลออันเนื่องมาจากความวิตกความเหนื่อยล้าประมาทของผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องจักรนั้น

 

 

ประเภทของเครื่องจักรที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตราย

เครื่องจักรที่ใช้ในการะบวนการผลิตต่าง ๆ ของโรงงาน เช่น โรงงานทอผ้า โรงงานหลอมโลหะ โรงสีข้าว ฯลฯ เครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานเหล่านี้จำแนกออกได้เป็น 3 ประเภท คือ

 

1. เครื่องต้นกำลัง เป็นเครื่องจักรที่ใช้ผลิตหรือเปลี่ยนพลังงานรูปหนึ่งไปเป็นอีกรูปหนึ่ง เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล
   
   
2. เครื่องส่งกำลัง อุปกรณ์ที่ใช้ส่งผ่านกำลังจากเครื่องต้นกำลังไปใช้งานอื่นต่อไป เช่น เพลา สายพาน เป็นต้น
   
   
3. เครื่องจักรทำการผลิต เป็นเครื่องจักที่ใช้ในการผลิตต่าง ๆ เช่นเครื่องเจาะ เครื่องอัด เครื่องตัด เป็นต้น

เครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานนอกจากที่กล่าวมาแล้วยังจำแนกเครื่องจักรออกได้ตามลักษณะของการเคลื่อนไหวและลักษณะของการทำงาน โดยมีรายละเอียดดังนี้

• ลักษณะการเคลื่อนไหวของเครื่องจักร จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายแบ่งออกได้เป็น การหมุนรอบตัวเอง การหมุนแล้งเกิดจะหนีบ จุดบีบ และการเคลื่อนสลับไปมา เป็นต้น
  
  
• ลักษณะการทำงานของเครื่องจักร ที่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย แบ่งออกตามลักษณะการทำงานของเครื่องจักรได้ 2 ประเภท คือ ประเภทที่มีลักษณะการทำงานเป็นแบบตัดและเป็นแบบอัด

 

 

หลักการออกแบบและเลือกวัสดุที่ใช้สร้างอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเครื่องจักร

 

อุปกรณ์ที่ใช้ป้องกันอันตราย จะต้องได้รับการออกแบบให้สามารถป้องกันอุบัติเหตุ ให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน  โดยอาศัยหลักเกณฑ์ในการออกแบบอุปกรณ์ป้องกันอันตราย ดังนี้

1. ป้องกันการสัมผัสจุดอันตรายของเครื่องจักร จะต้องสามารถป้องกันแขนหรืออวัยวะส่วนอื่นใดของร่างกายไม่ให้สัมผัสกับจุดอันตรายของเครื่องจักรที่กำลังทำงานอยู่
   
   
2. มีความมั่นคงแข็งแรง อุปกรณ์ป้องกันอันตรายจะต้องมีความมั่นคง ทนทานต่อ การใช้งานปกติและมีการบำรุงรักษาน้อยที่สุด
   
   
3. ต้อปลอดภัยและเอื้ออำนวยต่อการหล่อลื่นและการตรวจซ่อมแซม อุปกรณ์ป้องกันอันตรายเครื่องจักร ต้องออกแบบให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถหยอดน้ำมันหล่อลื่นเครื่องจักร
   
   โดยไม่ต้องถอดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายเสียก่อนหรืออาจอยู่ภายนอกอุปกรณ์ป้องกันอันตรายแต่มีท่อเล็ก ๆ สำหรับหยอดน้ำมันหล่อลื่นเข้าสู่เครื่องจักรได้
   
   
4. ไม่เป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายอย่างใหม่ ต้องออกแบบอุปกรณ์ป้องกันอันตราย โดยไม่ให้มีส่วนที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน เช่นมีขอบแหลมคม ขรุขระเป็นรอยหยัก เป็นต้น
   
   
5. ต้องไม่ขัดขวางต่อการปฏิบัติงาน อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่ดีจะต้องออกแบบให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานได้อย่างสะดวด ไม่ขัดขวางต่อการทำงาน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นผู้ปฏิบัติงานอาจถอดอุปกรณ์ป้องกันอันตราย
   
   ออกเพราะทำให้เสียเวลาในการทำงาน
   
   
6. สามารถป้องกันอันตรายให้กับผู้ที่อยู่ใกล้เคียงเครื่องจัก จะต้องออกแบบให้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายนั้นสามารถป้องกันให้กับผู้ที่เดินไปมาหรือผู้ที่อยู่ใกล้เคียงกับเครื่องจักรนั้น
   
   
7. เป็นไปตามกกหมายบังคับ หลักการออกแบบอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่สำคัญก็คือจะต้องมีลักษณะเป็นไปตามกฎหมายบังคับของส่วนราชการนั้น
   
   ทั้งกฎหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย และหลักการออกแบบอุปกรณ์ป้องกันอันตราย ก็คือจะต้องหาง่ายราคาเหมาะสม

 

 

การเลือกวัสดุที่ใช้ในการสร้างอุปกรณ์ป้องกันอันตราย

วัสดุที่ใช้ทำอุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเครื่องจักรแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชิ้นงานและลักษณะของงานที่ทำดังต่อไปนี้

1. โลหะ เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการสร้างอุปกรณ์ป้องกันอันตรายมากที่สุด เพราะว่ามีคนมีความเข็งแรง ทนทานได้ดี ที่ใช้กันมากได้แก่ เหล็กแผ่น อลูมิเนียม เป็นต้น
   
   
2. แก้วหรือพลาสติก จะใช้วัสดุประเภทนี้เมื่อต้องการมองเห็นการทำงานของเครื่องจักร เช่น ใช้แผนพลาสติกใสปกคลุมใบเลื่อยของเครื่องจักรเพื่อป้องกันการกระเด็นของเศษวัสดุ
   
   
3. ไม้ สำหรับอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่ทำด้วยไม้มักมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ไม่แข็งแรง ทนทาน นอกจากนี้ถ้าทำงานในสภาพที่มีไอน้ำมันมาก ๆ จะอมน้ำมัน ทำให้เป็นเชื้อเพลิงได้อย่างดี และยังอาจแตกหักได้

วัสดุที่ใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันอันตรายมีหลายชนิด แต่ละชนิด ก็มีข้อดีข้อบกพร่องแตกต่างกันไป จึงมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้งานแตกต่างกันด้วย อย่างไรก็ตามเรามีหลักการเลือกวัสดุหรือมาสร้างอุปกรณ์ป้องกันอันตราย ดังนี้

1. ต้องมีน้ำหนักเบา เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายในกรณีที่จำเป็น เช่น การนำไปซ่อมแซมบำรุงรักษา
   
   
2. ไม่เป็นสนิม ทำให้อายุการใช้งานยืนยาว ไม่เป็นสนิมผุกร่อนง่าย และสะดวกในการบำรุงรักษา
   
   
3. มีความแข็งแรงทนทาน ไม่แตกหักหรืองอโค้งได้ง่าย เพราะในการบวนการผลิตต่าง ๆ อาจจะกระทบกระแทกจากผู้ปฏิบัติงานหรือวัตถุดิบต่าง ๆ จึงต้องมีความแข็งแรงและทนทาน
   
   
4. ต้องไม่ติดไฟได้ง่าย เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยเพราะอุปกรณ์ป้องกันอันตรายอยู่ใกล้ชิดกับเครื่องจักร อาจมีอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดอัคคีภัยได้
   
   
5. ต้องไม่นำไฟฟ้าหรือเป็นฉนวนในกรณีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟฟ้าดูดผู้ปฏิบัติงานได้
   
   
6. สามารถจัดหามาง่าย กล่าวคือจะต้องมีอยู่ในท้องตลาดโดยทั่วไป เมื่อมีความต้องการต้องหาได้โดยง่าย
   
   
7. ราคาย่อมเยา วัสดุที่ใช้สร้างไม่ควรมีราคาแพงเพราะจะทำให้เพิ่มต้นทุนในการผลิตสินค้าอีก

อุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเครื่องจักรชนิดอยู่กับที่และชนิดอินเตอร์ล็อค

ในสถานประกอบการ การให้ผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องจักรปลอดภัยจากการทำงาน สามารถกระทำได้หลายวิธี เช่น การอบรมให้ความรู้ทางด้านเทคนิควิธีการทำงานต่าง ๆ และให้ตระหนักถึงความปลอดภัยในการทำงาน 

ไม่ประมาทเลินเล่อ ไม่ทำงานแบบชอบเสี่ยง การจัดสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม เป็นต้น การใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สำคัญ

 

โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องจักร จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายชนิดอยู่กับที่กับชนิดอินเตอร์ล็อค ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

1. อุปกรณ์ป้องกันอันตรายชนิดอยู่กับที่ เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้ใช้กับเครื่องจักรนั้น ๆ อย่างถาวร จึงต้องมีการยึดกับตัวของเครื่องจักรหรือพื้นโรงงานอย่าง
   
   หนาแน่นมั่นคง และต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการซ่อมบำรุง อุปกรณ์ชนิดนี้ส่วนใหญ่มักทำด้วยโลหะ
   
   
2. อุปกรณ์ป้องกันอันตรายชนิดอินเตอร์ล็อค ขั้นตอนของการทำงานของเครื่องจักรนั้น ผู้ปฏิบัติมีความจำเป็นต้องใช้มือหรือป้อนชิ้นงานเข้าสู่เครื่องจักรในขณะที่เครื่องจักรไม่ทำงาน
   
   แต่เมื่อเครื่องจักรทำงานแล้วมือของบผู้ปฏิบัติงานก็อาจจะได้รับอันตรายจากเครื่องจักรได้ การแก้ปัญหาคือ จะต้องทำให้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายชนิดอยู่กับที่นั้นเปิดออกชั่วคราว
   
   ในขณะเดียวกันระบบที่ควบคุมการทำงานของเครื่องจักรก็หยุดทำงานด้วย ผู้ปฏิบัติงานก็สามารถจับหรือป้อนชิ้นงานนั้น เข้าสู่เครื่องจักรได้โดยปลอดภัย
   
   การทำงานของอุปกรณ์ป้องกันอันตรายชนิดอินเตอร์ล็อคนี้ อาจทำงานด้วยระบบกลไก กระแสไฟฟ้าหรือระบบลมก็ได้

สินค้าแนะนำ :  รั้วไฟฟ้า

 

อุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเครื่องจักรชนิดอื่น ๆ

อุปกรณ์ป้องกันอันตรายยังมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์บางชนิดที่ไม่ใช่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเครื่องจักร  แต่เป็นเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติทำงานด้วยความปลอดภัยยิ่งขึ้น ได้แก่

1. อุปกรณ์ดึงกลับหลังหรือดึงถอยหลัง
2. อุปกรณ์จำกัดระยะทาง
3. การควบคุมการใช้ด้วย 2 มือ
4. การป้อนงานเข้าสู่เครื่องจักรโดยอัตโนมัติ
5. หุ่นยนต์
6. เครื่องป้อนชิ้นงาน เป็นต้น

การจัดการสภาพแวดล้อมและควบคุมจุดอันตรายในสถานประกอบการ

การวางโครงการด้านความปลอดภัยเป็นการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมะสมกับผู้ปฏิบัติงานมากที่สุด การหาแนวทางในการควบคุมเครื่องจักรอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยปลอดภัย

เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินโครงการด้านนี้ เพราะว่าเครื่องจักรและสิ่งแวดล้อมของการทำงานนั้น ถือว่าเป็นต้นตอหรือแหล่งกำเนิดของภาวะอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนในขณะปฏิบัติงาน

ถ้ามีการควบคุมแหล่งกำเนิดได้ ถือว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แนวทางในการควบคุมแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก คือ หาทางกำจัดจุดหรือแหล่งที่เป็นอันตรายต่อการทำงาน และ กำจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย

 

 

การจัดการเกี่ยวกับผู้ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย

ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก เนื่องจากต้องทำงานกับคน ผู้ที่รับผิดชอบจะต้องให้ความสนใจ  อดทนในการทำกิจกรรมด้านความปลอดภัย

ถ้ากิจกรรมนี้ไม่ได้รับความร่วมมือและสนใจก็ยากที่จะทำให้โครงการดำเนินต่ไปอย่างมีประสิทธิภาพ หลักการจัดการด้านปฏิบัติงานมีดังนี้

• คัดเลือกผู้ปฏิบัติงานให้ทำงานที่เหมาะสมกับสภาพร่างายและจิตใจ
  
  
• การสับเปลี่ยนโยกย้ายการทำงาน ในโครงการด้านความปลอดภัยนั้นบางโอกาสต้องย้ายเพื่อความเหมาะสม
  
  
• การกระตุ้นให้ผู้ปฏิบัติงานตื่นตัว ในเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน
  
  

Related link :    สัญญาณกันขโมย     MA กล้องวงจรปิด