ซอฟแวร์ที่นำมาใช้สำหรับควบคุมเครือข่าย ชุดระบบปฏิบัติการเครือข่ายจะมีอยู่ 2 ชุดด้วยกัน คือ ชุดแรกกลุ่มซอฟแวร์ที่นำมาใช้บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ และ ชุดที่สองคือ
กลุ่มของซอฟแวร์ที่นำมาใช้นบเครื่องไคลเอนต์ ที่นำมาใช้เพื่อให้เครื่องลูกข่ายสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ นอกจากนี้ชุดระบบปฏิบัติการเครือข่ายได้ถูกน้ำมาใช้กับระบบ CCTV
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
ชุดกล้องวงจรปิดพร้อมติดตั้ง
เพื่อยกระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านทรัพย์สิน และ ความปลอดภัยในชีวิต
Windows Server
ระบบปฏิบัติการเครือข่ายที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุง โดยได้เพิ่มคุณสมบัติด้านระบบความปลอดภัยที่ดีขึ้น มีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น รวมถึงประสิทธิภาพสูงขึ้น
และง่ายต่อการบริหารจัดการเครือข่าย โดยทางไมโครซอฟต์ได้พัฒนา Windows Server 2003 ขึ้นมา 4 Edition ด้วยกันคือ
- Windows Server 2003 – Web Edition เป็น Edition ที่นำไปใช้งานเพื่อจัดการทรัพยากรพื้นฐานทั้งในด้านของการแชร์ทรัพยากรและการจัดการเครือข่ายที่จำเป็นต่อธุรกิจทั่วไป
สนับสนุนหน่วยความจำหลักสูงสุดที่ 4 กิกะไบต์ และสนับสนุนมัลติดโปรเซสเซอร์ถึง 4 ตัว - Windows Server 2003 – Web Edition เป็น Edition ที่เพิ่มงานบริการด้านเว็บไซต์ การพัฒนาเว็บไซต์ และเว็บเบสแอปพลิเคชั่น
- Windows Server 2003 – Enterprise Edition เป็น Edition ที่สนับสนุนหน่วยความจำหลักสูงสุดที่ 32 กิกะไบต์ รองรับมัลติโปรเซสเซอร์มากถึง 8 ตัว ในเวอร์ชั่น 64 บิต
สามารถเพิ่มหน่วยความจำหลักได้มากถึง 64 กิกะไบต์ สำหรับ Edition นี้มีความน่าเชื่อถือสูง และมีประสิทธิภาพสูง - Windows Server 2003 – Datacenter Edition เป็น Edition ที่ออกแบบมาให้สามารถรองรับมัลติโปรเซสเซอร์ได้มากถึง 32 ตัว รองรับหน่วยความจำหลักสูงถึง 64 กิกะไบต์
สำหรับเวอร์ชั่น 32 บิต อในขณะที่เวอร์ชั่น 64 บิต จะรองรับมัลติโปรเซสเซอร์ 64 ตัว และสามารถมีหน่วยความจำหลักได้สูงถึง 512 กิกะไบต์ สำหรับ Edition นี้
ได้ออกแบบมาบนสภาพแวดล้อมที่ต้องการขีดความสามารถด้านความนาเชื่อถือ และประสิทธิภาพสูงสุด
Unix
จัดเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมบนเครื่องเมนฟรมคอมพิวเตอร์ และ เน็ตเวิร์กเซิร์ฟเวอร์ทั่วไป เป็นระบบที่มีอินเตอร์เฟชในรูปแบบเท็กซ์
และจัดเป็นระบบที่เก่าแก่ที่มีข้อเด่นด้านเสถียรภาพของระบบมีการจัดการเครือข่ายที่ดี และเปิดกว้างด้วยการยอมให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นด้วยคอมไพเลอร์ภาษาต่าง ๆ ได้อิสระ
ในปัจจุบันมีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญมีความศรัทธาในระบบ Unix เป็นอย่างมาก ด้านเสถียรภาพและระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งอยู่บนรากฐานด้านประสบการณ์ที่ยาวนาน
ได้มีแอปพลิเคชั่นที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้งานกับ Unix ที่สนับสนุนระบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ การพัฒนาเว็บเพจ และการปฏิบัติการเว็ลเซิร์ฟเวอร์
Linux
จัดเป็นระบบปฏิบัติการตัวหนึ่งที่ถอดแบบมาจาก Unix ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม เป็นระบบปฏิบัติการที่มีความยืดหยุ่นสูงและรวมถึงเป็นซอฟต์แวร์ระบบเปิด
และเป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถดาวน์โหลดมาเพื่อใช้งานฟรี จุดเด่นคือสามารถนำไปใช้งานกับไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยความจำหลักเพียง 4 เมกะไบต์
ซึ่งสนับสนุนเครื่องรุ่นเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้งานบนเครื่องระดับใหญ่ได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันผู้คนบางกลุ่มรวมถึงบางหน่วยงานก็พยายามผลักดัน Linux
ด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชั่นมารองรับมากขึ้น รวมถึงการกำหนดนโยบายใช้ระบบปฏิบัติการ Linux ในการจัดการระบบเครือข่ายภายในองค์กรทั้งระบบ
อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเครือข่าย (Connecting Devices)
เครือข่ายท้องถิ่นจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อในระยะทางที่ไกลขึ้น จึงจำเป็นต้องพึงพาอุปกรณ์เครือข่ายที่นำมาใช้เพื่อการเชื่อมต่อ เครือข่ายท้องถิ่นจะมีข้อจำกัดด้านระยะทางเป็นสำคัญ
ในที่นี้ได้มีการแบ่งอุปกรณ์เครือข่ายที่ประกอบด้วยรีพีตเตอร์ และบริดจ์ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายในขณะที่เร้าเตอร์และเกตเวย์จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายระดับสากล
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
รีพีตเตอร์ (Repeaters / Hubs)
อุปกรณ์นี้จะทำงานอยู่บนชั้นสื่อสารฟิสิคัลบนแบบจำลอง OSI โดยรีพีตเตอร์มักจะบรรจุพอร์ตมาให้เพียง 2 พอร์ตด้วยกัน ซึ่งการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายด้วยรีพีตเตอร์
อาจเชื่อมต่อด้วยสายสัญญาณชนิดเดียวกัน หรือคนละชนิดก็ได้ ฮับก็คือรีพีตเตอร์ที่มีหลาย ๆ พอร์ตนั่นเอง โดยฮับนอกจากสามารถนำมาใช้เป็นศูนย์กลางการรับส่งข้อมูลแล้ว
ยังเป็นอุปกรณ์ทวนสัญญาณในตัว และฮับก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ Active Hubs และ Passive Hubs
ฮับแบบแอกทีฟ (Active Hubs) ปกติแล้วใช้ติดตั้งอยู่บนเครือข่ายทั่วไป ส่วนใหญ่ล้วนเป็นฮับแบบแอกทีฟแทบทั้งสิ้น หน้าที่ของฮับคือการทวนสัญญาณ
เมื่อได้รับสัญญาณเข้ามา ก็จะทวนสัญญาณเหล่านี้ไปยังพอร์ตทุกพอร์ตที่เชื่อมต่อ โดยสามารถสรุปหน้าที่การทำงานของฮับแอกทีฟได้ดังนี้
- นำสัญญาณที่รับเข้ามาจากพอร์ตพอร์ตหนึ่ง
- กลั่นกรองสัญญาณให้ปราศจากสัญญาณรบกวน
- ปรับแต่งสัญญาณข้อมูลด้วยการ Regenerate ระดับสัญญาณให้เหมือนกับสัญญาณต้นฉบับ เพื่อให้มีกำลังในการทวนสัญญาณระยะทางที่ไกลขึ้น
- ฮับจะส่งสัญญาณด้วยการกระจายไปยังทุก ๆ พอร์ตที่เชื่อมต่อ
ฮับแบบพาสซีฟ (Passive Hubs) จะแตกต่างจากฮับแบบแอกทีฟตรงที่ไม่มีการปรับแต่งสัญญาณใด ๆ ทั้งสิ้น ฮับแบบพาสซีฟหรือแพตช์พาเนลนั้น
เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เพียงจุดเชื่อมต่อ (Junction Point)1 ระหว่างสายสัญญาณสองเส้นมาบรรจบกันเท่านั้น
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
รีพีตเตอร์ความจริงแล้วไม่ใช่อุปกรณ์ขยายสัญญาณ ที่หลายคนเข้าใจ แต่จะทำหน้าที่ปรับแต่งสัญญาณ ที่กระท่อนกระแท่นด้วยการคัดลอกแบบบิต
เพื่อปรับสัญญาณให้มีขนาดเท่ากับสัญญาณต้นฉบับ หน้าที่ของรีพีตเตอร์จะช่วยแก้ไขสัญญาณข้อมูลส่วยที่สูญเสียรวมถึงกลั่นกรองสัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้นขณะที่ส่งผ่านสายส่ง
ให้กลับมาเป็นสัญญาณเดิม เพื่อส่งทอดสัญญาณให้ไกลต่อไปได้อีก ในการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยการนำอุปกรณ์ฮับเป็นรีพีตเตอร์ขยายเครือข่ายนั้น
จำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายด้านด้วยกัน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเร็วโดยรวมบนเครือข่ายโดยตรง ดังนี้
ควรใช้ฮับเป็นรีพีตเตอร์ต่อเมื่อ
- เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเซกเมนต์
- เพื่อส่งข้อมูลในระยะทางที่ไกลยิ่งขึ้น
- ยอมรับเกี่ยวกับการใช้จราจรบนเครือข่ายร่วมกันทั้งหมด ดังนั้นเครือข่ายที่มีการใช้ฮับเพื่อขยายเครือข่าย จะถือว่าทุกเซกเมนต์บนเครือข่ายเป็นกลุ่มเครือข่ายเดียวกันทั้งหมด
ซึ่งส่งผลต่ออัตราการชนกันของกลุ่มข้อมูลที่เพิ่มขึ้น นั่นเป็นเพราะเครือข่ายทั้งหมดอยู่บน Collision Domain เดียวกันนั่นเอง - ต้องการเชื่อมต่อระหว่างเซกเมนต์ด้วยต้นที่ต่ำ หรือมีงบประมาณจำกัด
ไม่ควรใช้ฮับเป็นรีพีตเตอร์ เมื่อ
- การจราจรบนเครือข่ายมีความคับคั่งมาก
- เครือข่ายในแต่ละเซกเมนต์มีวิธีการแอกเซสที่แตกต่างกัน
- ต้องการกลั่นกรอง (Filter) ข้อมูลบนเครือข่าย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
บริดจ์ (Bridges)
อุปกรณ์ที่ทำงานอยู่บนสองชั้นสื่อสารแรกบนแบบจำลอง OSI ชั้นสื่อสารฟิสิคัลและดาต้าลิงก์ ทำหน้าที่เหมือนกับสะพาน เพื่อเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลเดียวกัน
หรืออาจเป็นเครือข่ายที่ใช้ต่างโปรโตคอลก็ได้ บริดจ์จะมีความสามารถในการทำงานเหนือกว่ารีพีตเตอร์ โดยสามารถแบ่งเครือข่ายขนาดใหญ่ออกเป็นเครือข่าย่อยหรือเซกเมนต์ย่อย ๆ ได้
สามารถลดความคับคั่งของข้อมูลบนเครือข่ายได้ หากต้องการส่งข้อมูลข้ามเครือข่ายก็สามารถกระทำได้ แตกต่างกับฮับที่ทำหน้าที่เพียงแพร่ข่าวสารออกไปยังทุกพอร์ตหรือทุกเซกเมนต์ที่เชื่อมต่อ
สวิตช์ (Switch)
อุปกรณ์ที่มีลักษณะการทำงานเช่นเดียวกับบริดจ์ จะมีความแตกต่างตางที่สวิตช์นั่นจะมีพอร์ตหลายพอร์ตด้วยกัน ขณะที่บริดจ์จะมีเพียงสองพอร์ตเท่านั้น
ปัจจุบันสวิตช์ที่ทำงานเช่นเดียวกับบริดจ์เรียกว่า สวิตช์เลเยอร์ 2 และสวิตช์ที่ทำงานเทียบชั้นเร้าเตอร์ก็จะเรียกว่า สวิตช์เลเยอร์ 3 สวิตช์กับฮับจะมีความคล้ายคลึงกันมาก
เร้าเตอร์ (Routers)
เร้าเตอร์ถูกนำมาใช้เพื่อการเชื่อมต่อเครือข่ายหลาย ๆ กลุ่มเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายแลนด้วยกัน หรือระหว่างเครือข่ายแลนกับแวน โดยฟังก์ชั่นการทำงานที่สำคัญของเร้าเตอร์ก็คือ
การเลือกเส้นทางส่งแพ็กเก็ตข้อมูลไปยังปลายทางได้อย่างถูกต้องและเหมะสม รวมถึงความสามารถในการเปลี่ยนเส้นทางเดินของข้อมูลในกรณีที่เส้นทางเดิมที่ใช้งานอยู่เกิดขัดข้อง
เกตเวย์ (Gateway)
เกตเวย์สามารถปฏิบัติงานได้ในทุกชั้นสื่อสารบนแบบจำลอง OSI โดยอนุญาตให้คอมพิวเตอร์บนเครือข่าย ที่เชื่อมต่อกันที่ใช้โปรโตคอลแตกต่างกันเกตเวย์จะอนุญาตให้เครือข่ายต่างแพลตฟอร์ม
ไม่ว่าจะเป็นด้านฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ให้สามารถเชื่อมโยงสื่อสารกันได้ มีการเชื่อมต่อเครือข่างทั้งอีเทอร์เน็ต โทเค็นริง และเมนเฟรมคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ด้วยอุปกรณ์เกตเวย์
เทคโนโลยีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network Technology)
ระบบสื่อสารข้อมูลที่อนุญาตให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อยู่อิสระกัน มาเชื่อมต่กเข้าด้วยกันในรูปแบบของเครือข่าย ทำให้สามารถแชร์ทรัพยากรร่วมกันบนเครือข่ายได้
ครอบคลุมอาณาบริเวณที่ค่อนข้างจำกัดไม่เกิน 1 กิโลเมตร เช่น การเชื่อมโยงภายในอาคาร หรือภายในสำนักงาน โดยมีหลักการที่ว่าด้วย การส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูง และมีอัตราความผิดพลาดในการส่งข้อมูลต่ำ
สำหรับเครือข่ายท้องถิ่นได้รวมสถาปัตยกรรมทั้ง 4 ซึ่งประกอบด้วย
- อีเทอร์เน็ต (Ethernet)
- โทเค็นบัส (Token Bus)
- โทเค็นริง (Token Ring)
- FDDI (Fiber Distributed Data Interface)
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
เทคโนโลยีเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network Technology)
เทคโนโลยีระดับท้องถิ่นและระดับประเทศสามารถนำมาใช้งานบนเครือข่ายระดับเมืองได้ โดยจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างไปจากเครือข่ายทั้งสองเฉพาะในด้านของโทโพโลยีและการจัดการ
เครือข่ายระดับเมืองเป็นเครือข่ายความเร็วสูงสนับสนุนระบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อเครือข่ายจะประกอบด้วยศูนย์ข้อมูล รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ธุรกิจเอกชน
หน่วยงานทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาที่เชื่อมต่อเข้ากันผ่านสายสื่อสารความเร็วสูง เครือข่ายระดับเมืองเกือบทั้งหมดใช้สายสื่อสารไฟเบอร์ออปติก
ซึ่งสามารถรองรับอัตราความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึงล้านบิตต่อวินาที และมีอัตราความผิดพลาดต่ำ เราสามารถแบ่งแยกเครือข่ายระดับเมืองออกจากเครือข่ายท้องถิ่นได้ ด้วยการพิจารณาคุณสมบัติ 3 ประการดังนี้ คือ
- ครอบคลุมระยะทางที่ไกลกว่าระดับท้องถิ่น โดยจะครอบคลุมตามบริเวณเขตเมืองหรือจังหวัดใหญ่ ๆ ในขณะที่เครือข่ายท้องถิ่นครอบคลุมการใช้งานภายในตึก
จึงเป็นจุดที่ทำให้เราสามารถเห็นถึงความแตกต่างระหว่างเครือข่ายท้องถิ่นกับเครือข่ายระดับเมืองมากยิ่งขึ้น - เครือข่ายระดับเมืองเกิดข้อบกพร่องขึ้น จะมีระบบกู้คืนที่รวดเร็ว โดยมีการออกแบบวงจรที่เรียกว่า Redundant Circuits ที่มีอยู่จำนวนมากพอกับการรองรับเหตุการณ์ต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นและส่งผลต่อความล้มเหลวของเครือข่าย กรณีที่เส้นทางมีจราจรข้อมูลคับคั่งหรือเกิดข้อบกพร่องใด ๆ สิ่งเหล่านี้จะสะท้อนถึงความแน่นอนและถือเป็นจุดแข็งของเครือข่ายระดับเมือง - การเชื่อมต่อเครือข่ายหรือโทโพโลยีบนเครือข่ายระดับเมืองนี้ มักตั้งอยู่บนพื้นฐานของเครือข่ายในลักษณะวงแหวน ซึ่งไม่เหมือนกับเครือข่ายโทเค็นริงที่ใช้งานบนเครือข่ายท้องถิ่น
จึงไม่ใชมีแค่เพียงข้อมูลเท่านั้นที่ส่งผ่านวงแหวนตามที่เข้าใจ แต่บนเครือข่ายจะมีอุปกรณ์อย่างเร้าเตอร์และสวิตช์ที่เชื่อมต่อเข้ากับวงแหวน
เครือข่ายระดับเมืองจึงสามารถใช้งานได้ดีกับธุรกิจที่ต้องการเชื่อมต่อระหว่างบริษัทต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรทางการค้าเข้าด้วยกัน และมีการเชื่อมต่อขอบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการหรือต้องการติดต่อกับเครือข่ายกลุ่มบริษัทต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
เทคโนโลยีเครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network Technology)
เครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายต่าง ๆ หลายกลุ่มเข้าด้วยกันที่ครอบคลุมพื้นที่ระดับประเทศหรือข้ามทวีป โดยไม่มีข้อจำกัดในด้านระยะทาง
จึงจำเป็นต้องใช้ระบบโทรคมนาคมในการเชื่อมต่อสื่อสาร เช่น สายโทรศัพท์ สายเคเบิล และระบบดาวเทียม เป็นต้น ใช้งานเกี่ยวกับการถ่ายโอนข้อมูลขนาดใหญ่ระหว่างกัน
การใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การเข้าถึงฐานข้อมูล และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หน่วยงานที่ใช้เครือข่ายระกับประเทศจะประกอบด้วยหลายวงการด้วยกัน เช่น โรงงาน วงการแพทย์ การศึกษา
และหน่วยงานโทรคมนาคม เครือข่ายระดับประเทศจะมีสถานีที่เชื่อมต่ออยู่เป็นจำนวนมาก รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายก็มีความแตกต่างกัน
จึงจำเป็นต้องมีแอปพลิเคชั่นซอฟต์แวร์เพื่อให้สามารถใช้เครือข่ายได้ตามแต่ละวัตถุประสงค์ เครือข่ายระดับประเทศประกอบด้วยเครือข่ายย่อย ๆ ที่เรียกว่า ซับเน็ต (Subnet) คือกลุ่มของโหนดต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
สำหรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจัดอยู่ประเภทหนึ่งของเครือข่ายระดับประเทศ (WAN) แต่แตกต่างตรงที่เครือข่ายระดับประเทศจะเป็นเครือข่ายที่มีเจ้าของ ในขณะที่อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายสาธารณะ
สวิตชิ่ง (Switching)
เครือข่ายสวิตชิ่งจะประกอบด้วย Interlinked Nodes ที่เรียงติดกันเป็นลำดับเรียกว่า สวิตช์ คืออุปกรณ์ที่มีความสามารถในการ
สร้างการเชื่อมต่อแบบชั่วคราวระหว่างสองอุปกรณ์หรือมากกว่าเพื่อลิงก์ผ่านสวิตช์ สำหรับเครือข่ายสวิตช์อาจหมายถึง
- โหนดที่เชื่อมต่อกับระบบปลายทาง (End Systems) ซึ่งอาจเป็นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์
- อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับกำหนดเส้นทาง (Routing)
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
สำหรับเทคนิควิธีการสวิตชิ่งจะมีอยู่ 3 ประการด้วยกันคือ
- เซอร์กิตสวิตชิ่ง (Circuit – Switching Networks)
- เมสเสจสวิตชิ่ง (Message Switching Networks)
- แพ็กเก็ตสวิตชิ่ง (Packet Switching Networks)
Related link : ร้านติดตั้งรั้วไฟฟ้ากันขโมย ช่างติดตั้งสัญญาณกันขโมยไร้สาย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542