ปัญหาเรื่องความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นปัจจุบันประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจจากเกษตรมาสู่อุตสาหกรรมจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอ
ผลจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลกระทบต่อพนักงานหรือช่างที่เข้ามาทำการ ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งพนักงานเหล่านั้นยังขาดความรู้
ความเข้าใจในเรื่องของการระมัดระวังเพื่อที่จะป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุในโรงงาน จึงทำให้ต้องประสบอันตรายจากการทำงานและโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำงาน
ผลอันนี้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในภาคอุตสาหกรรมโดยทั่วไป
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
ติดตั้งกล้องวงจรปิด
สำหรับประเทศไทย จากสถิติที่ผ่านมาพบว่า 70% ของผู้ประสบภัยอันตรายในระหว่างการติดตั้งกล้องวงจรปิดในโรงงานอุตสาหกรรมมาจากโรงงานขนาดเล็กและขนาดกลาง ส่วนอีก 30% ของผู้ประสบภัยอันตรายเท่านั้น
ที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หมายความว่าโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั้นส่วนมากจะมีความปลอดภัยมากกว่าโรงงานขนาดเล็กและขนาดกลาง ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะโรงงานขนาดใหญ่มีจุดเด่นในการดำเนินงานมากกว่า ดังนี้
- มีการวางผังโรงงานที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
- มีความสนใจด้านความปลอดภัยมากกว่า มีบุคลากรด้านการจัดระบบความปลอดภัยภัยโดยเฉพาะ
- มีการอบรมพนักงาน และมีวินัยปฏิบัติที่ดีกว่า
- มีอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่มีประสิทธิภาพและแจกจ่ายได้อย่างทั่วถึง
- มีระบบการบริหารที่ดีกว่า
- มีทุนดำเนินการมากกว่า
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จะมีความปลอดภัยมากกว่าในโรงงานขนาดเล็กหรือขนาดกลางก็ตาม มันไม่ใช่ข้อจำกัดแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เพราะในความเป็นจริงแล้วทุกๆ โรงงานไม่ว่าจะเป็นโรงงานประเภทใด ก็สามารถที่จะสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในโรงงานนั้นๆ ได้เท่าเทียมกันถ้าหากว่ามีปัจจัยที่เอื้ออำนวยและมีความสนใจ
มีความพยายามในการดำเนินการเกี่ยวกับความปลอดภัยในโรงงานอย่างจริงจัง ซึ่งจะส่งผลดีต่อพนักงานหรือช่างติดตั้งกล้องวงจรปิด
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
ความสำคัญของการออกแบบระบบเครือข่าย
ในการพิจารณาเลือกระบบเครือข่ายมาใช้ในองค์กร เมื่อมีความชำนาญมากขึ้นอาจตัดบางขั้นตอนที่ไม่จำเป็นออกไปหรือบางขั้นตอนอาจจะมีแบบฟอร์มสำเร็จรูป
การวางแผนติดตั้งระบบเครือข่ายซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีส่วนสำคัญมากในการที่จะให้ได้ซึ่งระบบเครือข่ายที่ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม การวางแผนควรจะคำนึงถึงความต้องการใช้งานในระยะยาวด้วย
เพราะการลงทุนทางด้านระบบเครือข่ายนั้นใช้เงินทุนค่อนข้างสูง และหากตัดสินใจผิดพลาดอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบจากเดิมที่ได้ลงทุนไปแล้ว
ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการออกแบบระบบ
- เมื่อจัดตั้งระบบใหม่ ระบบงานเก่ายังไม่เคยจัดตั่งมาก่อน และต้องการจะจัดตั้งระบบขึ้นมาใหม่ ในกรณีนี้จำเป็นที่จะต้องทำการวิเคราะห์ระบบงานเสียก่อน
และก่อนที่จะทำการออกแบบระบบนั้นขึ้นมาต้องศึกษาความเหมาะสมความคุ้มทุน และอื่น ๆ เกี่ยวข้องกับการติดตั้งและการใช้งาน - เมื่อระบบงานเดิมมีปัญหาเกิดขึ้น ระบบงานทุกระบบเมื่อได้มีการทำงานไปได้ระยะ การเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมได้เปลี่ยนแปลงไป
ระบบธุรกิจเปลี่ยนไป หรือความต้องการของธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ระบบที่เคยปฏิบัติอยู่เดิมเกิดมีปัญหาจะต้องทำการวิเคราะห์และออกแบบระบบเสียใหม่เพื่อให้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นหมดไป - เมื่อต้องการจะเปลี่ยนจากระบบเดิมเป็นระบบใหม่ เกิดจากความต้องการของระบบที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงจากระบบหนึ่งเป็นอีกระบบหนึ่ง อาจจะมาจากระบบเก่ามีปัญหาหรือระบบเก่าขาดประสิทธิภาพหรือมีกำลังผลิตต่ำ
เพื่อต้องการขยายงานให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น ต้องการความรวดเร็วในการทำงานให้มากขึ้น หรือเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายหรือเพื่อต้องการลดแรงงานลง - เมื่อต้องการยืนยันความถูกต้องของระบบเดิม ประเทศไทยไม่นิยมทำกันเพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และผู้ใช้ระบบไม่เห็นความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องทำ
เพราะไม่มีปัญหาอะไรรุนแรงเกิดขึ้น และไม่ต้องการเปลี่ยนจากระบบเดิมไปเป็นระบบใหม่ด้วย แต่สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่บางแห่งที่มองการณ์ไกล จะนิยมทำการวิเคราะห์ระบบเมื่อถึงเวลาอันควร
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
แนวทางการออกแบบและวางระบบงานที่ดี ประกอบด้วยแนวทาง 8 แนวทาง ดังนี้
- การบรรลุวัตถุประสงค์หรือความต้องการของผู้ใช้ ระบบงานได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้แก้ไขได้อย่างถูกจุด ได้ตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจ หรือผู้ใช้ระบบอย่างแท้จริง
- การใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม ในการลงทุนต่อการพัฒนาระบบงานและกำลังคนอย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ามากที่สุด อาจสามรถคำนวณได้จากวิธีการหาสัดส่วนอัตราผลตอบแทนของระบบต่อต้นทุนที่ใช้ในการพัฒนาระบบนั้น ๆ
- การหลีกเลี่ยงความซับซ้อน การออกแบบระบบงานขึ้นมานั้นไม่ควรมีความซับซ้อนมากนัก เพราะการออกแบบระบบที่ซับซ้อนไม่ได้หมายความว่านักวิเคราะห์เก่ง
แต่ระบบที่เก่งจริงจะต้องทำระบบงานที่ซับซ้อนให้ดูง่ายและเป็นธรรมชาติ หรือธรรมดามากที่สุด การทำเช่นนี้จะทำให้ระบบงานสามารถที่จะบำรุงรักษา หรือแก้ไขดัดแปลงได้ง่าย จะส่งผลดีต่อไปในอนาคต - ระบบงานมีมาตรฐานเดียวกัน การออกแบบระบบงานควรจะมีลักษณะที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน พยายามให้เหมือนกันมากที่สุด จะทำให้ผู้ใช้ระบบเกิดความคุ้นเคยต่อระบบงานทั้งหมดได้เร็วขึ้น
ทั้งยังช่วยให้การเรียนรู้ระบบเป็นไปได้สะดวก ระบบงานที่ได้ออกแบบไม่มีมาตรฐาน จะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากทั้งผู้ใช้ระบบ และนักวิเคราะห์ระบบด้วย - ความถูกต้องและเชื่อถือได้ของระบบ ระบบงานถูกพัฒนาขึ้นต้องได้รับการทดสอบอย่างดี มีการควบคุมภายในเพื่อป้องกันการผิดพลาดของข้อมูลที่อาจเกิดจากการป้อนเข้ามาในระบบ
หรือเกิดจากการประมวลผลของระบบ ข้อมูลที่ผิดพลาดจะต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อให้ระบบปฏิบัติงานต่อไปได้อย่างถูกต้อง - ความยืดหยุ่นของระบบ ความสามารถที่พัฒนาระบบในอนาคตระบบงานที่มีความยุดหยุ่นที่ดีจะสามารถทำการบำรุงรักษา เปลี่ยนแปลงได้ง่าย และสามารถที่จะรองรับการขยายงานการเติบโตได้เป็นอย่างดี
ระบบได้ดำเนินถึงจุด ๆ หนึ่ง อาจจะต้องได้รับการแก้ไขเพื่อรองรับความต้องการใหม่ที่เกิดขึ้น หากระบบนั้นมีความยืดหยุ่นดี การแก้ไขก็สามารถทำได้โดยง่าย ไม่จำเป็นต้องรื้อระบบออกมาใหม่ทั้งหมด - ระบบงานได้ดึงเอาข้อดีจจากอดีตมารวมไว้ ระบบงานใหม่ได้รวบรวมเอาแนวทางการปฏิบัติงานของระบบงานเดิมที่ดีและมีประสิทธิภาพมาไว้อยู่ในตัว ในขณะเดียวกันกับการตัดแนวทางที่ไม่ดีที่เกิดกับระบบเดิมออกไปจากระบบใหม่
- ระบบงานให้ผลลัพ์ที่เข้าใจได้ต่อผู้ใช้ระบบ ระบบได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้แก้ปัญหาบางประการให้กับผู้ใช้ระบบ ผลลัพธ์ที่ออกจากระบบจะต้องเป็นผลลัพธ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
ระบบงานที่ดีจะต้องให้ผลลัพธ์ที่เข้าใจได้ง่าย และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ และต้องเป็นรายงานที่เข้าใจง่ายมีความเหมาะสม
การเตรียมการสำหรับการออกแบบระบบเครือข่าย
งานออกแบบระบบเครือข่ายเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสารจำนวนมากต้องมีการเก็บรวบรวมเอกสาร แต่เอกสารจำนวนมากเหล่านี้อาจจะไม่ได้ถูกนำมาใช้งานทั้งหมด
หรืออาจจะไม่เพียงพอต่อการนำมาใช้งานได้จริง หากคุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเครือข่ายที่ต้องการสร้างไม่เพียงพอ ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจถึงกระบวนการที่ทำให้เราได้มาซึ่งระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพได้ดี
ขอให้พิจารณาขั้นตอนต่าง ๆ หากสี่งที่ได้รับมาจากขั้นตอนก่อนหน้านั้นไม่เพียงพอก็จะทำให้ได้ระบบเครือข่ายที่ไม่ดีพอกับความต้องการใช้งาน
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาความต้องการของผู้ใช้
จุดสำคัญของขั้นตอนนี้ คือ จะต้องรู้ว่าปัจจุบันองค์กรมีอะไรบ้าง มีความต้องการอยากได้ระบบเครือข่ายอะไร และในอนาคตอันใกล้จะมีการขยายตัวเท่าไร โดยข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากขั้นตอนนี้จะนำไปใช้ในขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 การออกแบบ
ในขั้นตอนนี้ความต้องการของระบบเครือข่ายขององค์กรคืออะไร ต้องพิจารณาถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระบบเครือข่าย ความยืดหยุ่นในการขยาย ขนาดเครือข่ายในปัจจุบันและอนาคตมีจำนวนผู้ใช้ และต้องไม่ลืมออกแบบระบบเครือข่ายให้มีความยืดหยุ่นได้ง่าย โดยที่จะต้องใช้ต้นทุนที่เหมาะสมด้วย
ขั้นตอนที่ 3 การพัฒนา
มีการย้ายจากขั้นตอนการออกแบบมาที่ขั้นตอนนี้แล้วก็ตาม ในขั้นตอนนี้ก็มีเป้าหมายที่จะลดโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ออกแบบมาในขั้นตอนของการติดตั้ง จะมีการรวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้ และค้นหาปัญหาที่เกิดจากขั้นตอนการออกแบบ และทำการปรับปรุงก่อนที่จะเริ่มติดตั้งในขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 4 การติดตั้ง
การติดตั้งระบบเครือข่ายตามที่ได้ออกแบบเอาไว้ ในบางองค์กรอาจจะให้แผนก IT เป็นผู้รับผิดชอบ หรือในองค์กรขนาดใหญ่อาจจะจ้างบริษัทที่ปรึกษาภายนอกเป็นผู้ดำเนินการ ผู้ออกแบบจะต้องเตรียมแบบและรายละเอียดของอุปกรณ์เครือข่ายที่จะใช้ให้กับผู้รับเหมาดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์และสายสื่อสารต่าง ๆ
ขั้นตอนที่ 5 การทดสอบ
ขั้นตอนนี้เป็นการทดสอบและประเมินผลก่อนเริ่มใช้งานจริง และจ่ายเงินค่าจ้างให้กับบริษัทผู้ขายหรือผู้รับเหมา การทดสอบสายสื่อสาร การทดสอบการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ เป็นต้น
การออกแบบระบบเครืข่ายมีแนวทางมากมายที่จะทำให้ได้มาซึ่งการออกแบบที่ดีและได้ผลงานที่ดี ในเบื้องต้นไม่ใช่สูตรสำเร็จที่ทำให้ได้รับระบบเครือข่ายที่ดีเสมอไป แต่ก็เป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกในการเรียนรู้ หากเมื่อมีประสบการณ์มากขึ้น บางขั้นตอนก็อาจจะต้องตัดออกไปก็ได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
การศึกษาความต้องการของผู้ใช้
ขั้นตอนแรกในการออกแบบระบบเครือข่าย จะต้องรวบรวมความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งสิ่งที่จะต้องรวบรวม ได้แก่
- อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
- รายงานผลของการใช้งานในปัจจุบันว่ามีปัญหาเกี่ยวกับอะไรอยู่ บันทึกปัญหาที่เคยเกิดขึ้น เป็นต้น
- เอกสารเกี่ยวกับแผนผังอาคาร และแบบการเดินสายสื่อสารในปัจจุบัน
- ดูว่างานที่ผู้ใช้ต้องการใช้งานโปรแกรมอะไร
- จัดประชุมกับหัวหน้างานในแต่ละแผนก เพื่อให้มีส่วนร่วมในการออกแบบระบบเครือข่าย และจะได้เกิดการยอมรับของผู้ใช้เมื่อมีการติดตั้งและใช้งานจริงในภายหลัง
- ระบุฟังก์ชั่น และความต้องการใช้งานของแผนกต่าง ๆ ในองค์กร ส่วนที่มีการใช้งานค่อนข้างมาก และเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทำงานของระบบเครือข่าย
ขั้นตอนรวบรวมความต้องการ ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการออกแบบระบบเครือข่ายที่จะต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการเก็บรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นในการออกแบบ
แต่ก็จะพบว่าขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่มีความเร่งรีบ และมีเวลาค่อนข้างน้อยมากในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทำให้ข้อมูลที่ได้มาไม่เพียงพอที่จะทำให้การออกแบบในขั้นตอนถัดไป
ทำได้อย่างถูกต้องตรงกับความต้องการใช้งานขององค์กร และทำให้ต้นทุนในการลงทุนสูงขึ้นด้วย
การสำรวจอุปกรณ์ที่มีในปัจจุบัน (Equipment Inventory)
ในปัจจุบันการสำรวจจำนวนอุปกรณ์ขององค์กรขนาดใหญ่ จะกินเวลามากที่สุดในขั้นตอนของการเก็บรวบรวมข้อมูล หากว่าองค์กรนั้นไม่เคยมีการเก็บรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่ยังเหลืออยู่ ลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่องค์กรเรามีอยู่ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราสามารถวางแผนด้านการเงินได้อย่างถูกต้อง คุณสามารถที่จะสร้างระบบฐานข้อมูล
เพื่อจัดเก็บรวบรวมข้อมูลและเอกสารของอุปกรณ์แต่ละตัวทั้งหมดได้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการออกแบบระบบเครือข่าย และวิเคราะห์ปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานในภายหลัง
จากระบบฐานข้อมูลนี้จะทำให้คุณทราบว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่นั้น มีอายุกี่ปีแล้ว สามารถรองรับการใช้โปรแกรมที่หน่วยงานนั้นต้องการหรือไม่ ถ้าไม่สามารถใช้โปรแกรมนั้นได้
จะสามารถอัพเกรดคอมพิวเตอร์นั้นได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้อีกก็จะต้องหาทางย้ายเครื่องนั้นไปที่แผนกอื่นที่ไม่ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ที่มีสเปกเครื่องสูง ๆ แทน
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
แบบโครงสร้างอาคารและระบบต่าง ๆ ในอาคาร
ขั้นตอนที่สองของขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล การหาแบบหรือพิมพ์เขียวของอาคาร ซึ่งในแบบนี้ก็จะมีการกำหนดขนาดและตำแหน่งของห้องต่าง ๆ รวมถึง เฟอร์นิเจอร์
ระบบไฟฟ้า ระบบประปา เครื่องปรับอากาศ ระบบแสงสว่าง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจว่าจะกำหนดตำแหน่ง หรือ กำหนดแนวทางเดินของสายเคเบิลในอาคาร
ทำได้ง่ายขึ้นหากว่ามีการเพิ่มเติมสายสื่อสารใด ๆ ในภายหลังก็จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องลงในแบบด้วย เพราะจะทำให้เราทราบได้ว่าเราสามารถใช้งานสายสื่อสารใดได้บ้าง
หรือจะต้องเดินสายสื่อสารใหม่ที่ใดบ้าง และแบบแปลนนี้จะมีประโยชน์ในการวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับเคเบิลและการขยายเพิ่มเติมในอนาคต
ระบบเครือข่ายไร้สาย
การออกแบบระบบเครือข่ายไร้สายนั้นแตกต่างจากระบบมีสายโดยสิ้นเชิง การใช้ระบบไร้สายจะช่วยให้องค์กรที่มีการย้ายตำแหน่งของคอมพิวเตอร์ สามารถทำได้ง่ายมาก
โดยเฉพาะองค์กรที่มีการย้ายตำแหน่งของโต๊ะทำงานอยู่เสมอ ๆ จะดีมาก เพราะไม่ต้องคอยพะวงเรื่องสายสื่อสาร แต่ก็ต้องยอมรับกับความเร็วที่น้อยกว่าแบบที่มีสายด้วย
การออกแบบระบบเครือข่ายไร้สายนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง การทดสอบประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีไร้สายที่เลือกมาใช้งาน จะต้องเป็นระบบเปิดที่สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ยี่ห้ออื่น ๆ ได้ด้วยเป็นต้น
การทดสอบนั้นจะต้องทดสอบทั้งจุด กระจายสัญญาณและการ์ดเครือข่ายไร้สาย โดย WAP จะต้องทดลองตั้งในสถานที่เปิดกว้างและอยู่ในบริเวณที่มีสิ่งกีดขวางสัญญาณ
หรือตัวการ์ดที่ต้องการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอยู่ด้วย หลีกเลี่ยงจุดที่มีสิ่งกีดขวางสัญญาณ หรือตัวการ์ดที่ต้องใช้ควบคู่กับคอมพิวเตอร์ ก็ควรจะทดสอบติดตั้งดูว่าสามารถใช้ได้
และลองใช้งานเครือข่ายผ่าน WAP ดูว่าใช้งานได้ดีเพียงใด ซึ่งสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อระบบไร้สายที่ควรคำนึงถึง ได้แก่
- กำแพงคอนกรีตหนา ๆ เพราะว่าจะกั้นสัญญาณของเราไม่ให้ออกไปข้างนอก
- อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ให้กำเนิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น ลิฟต์ เครื่องปั่นไฟ เป็นต้น เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะสร้างสัญญาณรบกวนระบบไร้สายของเรา
- ระยะทางจาก WAP ถึงเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องไม่เกิน 15 เมตร เพราะถ้าไกลเกินไป แม้จะยังใช้งานได้แต่ความเร็วในการใช้งานก็จะลดลงด้วย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
การสำรวจความต้องของผู้ใช้
การสำรวจความต้องการถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล เพื่อออกแบบระบบเครือข่าย ออกแบบสอบถามพนักงานในแผนกต่าง ๆ
แสดงความต้องการและแนะนำว่าควรจะมีอะไรเพิ่มเติมในองค์กร แม้ว่าจะไม่ใช้เรื่องง่ายที่จะรวบรวมความคิดเห็นของคนทั้งองค์กรออกมา แต่อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะมีสุ่มตัวอย่าง
จากพนักงานในระดับต่างๆ และแผนกต่าง ๆ ออกมา เพื่อจะได้ทราบว่าพนักงานตำแหน่งใดมีความต้องการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบใด ใช้กับงานอะไร และแผนกใดมีแผนที่จะนำโปรแกรมใดมาใช้ในอนาคตบ้าง
เราได้วางแผนให้เหมาะสมกับการใช้งานที่จะเกิดขึ้น ได้แก่
- ปัจจุบันมีการใช้ระบบเครือข่ายอยู่หรือไม่ และในอนาคตต้องการใช้เพื่ออะไรบ้าง
- มีข้อมูลอะไรบ้างที่ต้องมีการแบ่งปันใช้ร่วมกันแผนกอื่น และแผนกใดบ้างที่ต้องใช้
- จากประสบการณ์ของผู้ใช้ อะไรคืออุปสรรค หรือความยุ่งยากที่ทำให้งานไม่ประสบความสำเร็จ หรือใช้เวลามากไปโดยเปล่าประโยชน์
- โปรแกรมอะไรบ้างที่องค์การและแผนกจำเป็นต้องใช้