กล้องกันระเบิด

กล้องกันระเบิด (Explosion-proof Camera)

กล้องวงจรปิดกันระเบิด (Explosion-proof Camera) คือ กล้องวงจรปิดที่ถูกออกแบบและผลิตมาเพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการระเบิด เช่น พื้นที่ที่มีก๊าซไวไฟ, ไอระเหย, หมอก, หรือฝุ่นที่สามารถทำให้เกิดการระเบิดเมื่อสัมผัสกับแหล่งจุดประกายไฟ

คุณสมบัติหลักของกล้องวงจรปิดกันระเบิด

1. โครงสร้างป้องกันการระเบิด: กล้องถูกหุ้มด้วยวัสดุที่แข็งแรงและทนทาน เช่น สแตนเลสสตีล หรืออลูมิเนียม และออกแบบให้ไม่มีช่องว่างที่สามารถทำให้เกิดประกายไฟจากการใช้งานภายใน

2. การรับรองมาตรฐาน: ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสถาบันที่เชื่อถือได้ เช่น ATEX (Atmospheres Explosibles) ในยุโรป หรือ IECEx (International Electrotechnical Commission System for Certification to Standards Relating to Equipment for Use in Explosive Atmospheres) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล

3. ทนทานต่อสภาพแวดล้อม: ออกแบบให้ทนทานต่อสารเคมี, ฝุ่น, น้ำ, และอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำกว่าปกติ ทำให้สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง

4. การป้องกันการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า: ระบบไฟฟ้าภายในกล้องถูกออกแบบให้ปลอดภัย และป้องกันการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าที่อาจทำให้เกิดประกายไฟ

การใช้งาน

กล้องวงจรปิดกันระเบิดมีการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น:

1. โรงกลั่นน้ำมัน: การตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีก๊าซไวไฟ
2. โรงงานเคมี: การเฝ้าระวังการผลิตและการจัดเก็บสารเคมีที่อาจเกิดการระเบิด
3. สถานีเติมน้ำมัน: การตรวจสอบความปลอดภัยและป้องกันการเกิดเหตุฉุกเฉิน
4. เหมืองแร่: การตรวจสอบความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีฝุ่นระเบิด

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542

 กล้องกันระเบิด

ติดกล้องกันระเบิด

 

การติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิดในพื้นที่เสี่ยง เช่น โรงกลั่นน้ำมัน มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากลักษณะของพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการระเบิด นี่คือเหตุผลหลัก ๆ ที่ควรเลือกใช้กล้องวงจรปิดกันระเบิดในสภาพแวดล้อมนี้:

1. ความปลอดภัยของพื้นที่และบุคลากร
โรงกลั่นน้ำมันเป็นพื้นที่ที่มีก๊าซไวไฟและสารเคมีต่าง ๆ ที่สามารถเกิดการระเบิดได้ การติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิดช่วยให้สามารถตรวจสอบและเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงเหล่านี้ได้ตลอดเวลา หากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เจ้าหน้าที่สามารถรับรู้และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง

2. การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย
ในหลายประเทศ การติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิดในพื้นที่เสี่ยงเป็นข้อกำหนดทางกฎหมายและเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น มาตรฐาน ATEX และ IECEx การปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้โรงกลั่นน้ำมันสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและปลอดภัย

3. การป้องกันความเสียหายทางทรัพย์สิน
การเกิดระเบิดหรืออุบัติเหตุในโรงกลั่นน้ำมันสามารถก่อให้เกิดความเสียหายทางทรัพย์สินมหาศาล กล้องวงจรปิดกันระเบิดสามารถช่วยในการตรวจจับและป้องกันเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายล่วงหน้าได้ เช่น การตรวจจับการรั่วไหลของก๊าซหรือการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ

4. การบันทึกหลักฐาน
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ การมีบันทึกวิดีโอจากกล้องวงจรปิดกันระเบิดสามารถใช้เป็นหลักฐานในการสอบสวนหาสาเหตุและป้องกันเหตุการณ์ที่คล้ายกันในอนาคตได้ ช่วยในการปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยและกระบวนการทำงาน

5. ความทนทานและประสิทธิภาพ
กล้องวงจรปิดกันระเบิดออกแบบมาเพื่อทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เช่น อุณหภูมิสูง สารเคมี และแรงดัน ทำให้มั่นใจได้ว่ากล้องจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกสถานการณ์

การเลือกติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิดในพื้นที่เสี่ยง เช่น โรงกลั่นน้ำมัน มีความสำคัญมากเพื่อความปลอดภัยของบุคลากร การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย การป้องกันความเสียหายทางทรัพย์สิน

การบันทึกหลักฐาน และความทนทานและประสิทธิภาพของกล้อง การเลือกใช้กล้องวงจรปิดที่เหมาะสมในพื้นที่เหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

 

Hikvision Explosion Proof

 

การเปรียบเทียบระหว่างกล้องวงจรปิดทั่วไปกับกล้องวงจรปิดกันระเบิด

ข้อดีของกล้องวงจรปิดกันระเบิด

  1. ความปลอดภัยสูง: ออกแบบมาเพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟหรือการระเบิดในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงกลั่นน้ำมัน
  2. การรับรองมาตรฐาน: ได้รับการรับรองมาตรฐาน ATEX และ IECEx ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสำหรับอุปกรณ์ในพื้นที่อันตราย
  3. ทนทานต่อสภาพแวดล้อม: สร้างจากวัสดุที่ทนทานต่อสารเคมี ความร้อน และแรงดัน
  4. การบันทึกที่มีความน่าเชื่อถือ: สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
  5. ป้องกันฝุ่นและน้ำ: มาตรฐาน IP67 หรือสูงกว่า ทำให้สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำได้อย่างดี
  6. ฟังก์ชันการตรวจจับอัจฉริยะ: มีฟังก์ชันการตรวจจับการบุกรุก การข้ามเส้น และเหตุการณ์ผิดปกติอื่นๆ
  7. ความสามารถในการทำงานที่อุณหภูมิต่ำ: ออกแบบให้ทำงานได้ในอุณหภูมิต่ำสุดถึง -60 °C
  8. การป้องกันการกัดกร่อน: วัสดุที่ใช้มีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อน ทำให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี
  9. ความน่าเชื่อถือในการทำงาน: มีการออกแบบวงจรและการควบคุมอุณหภูมิภายในเพื่อป้องกันการเกิดความร้อนเกิน
  10. ฟังก์ชันป้องกันหมอก: มีฟังก์ชันป้องกันหมอกที่กระจกหน้ากล้อง ช่วยให้ภาพคมชัด
  11. การตรวจสอบและเฝ้าระวัง: มีระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติ
  12. ความคงทนในการใช้งานระยะยาว: สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่เสื่อมสภาพ
  13. ความปลอดภัยของบุคลากร: ลดความเสี่ยงในการทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
  14. ความสามารถในการบันทึกเสียง: มักมีไมโครโฟนในตัวสำหรับการบันทึกเสียง
  15. การเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย: สามารถเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย

ข้อเสียของกล้องวงจรปิดกันระเบิด

  1. ราคาแพงกว่า: ราคาสูงกว่ากล้องวงจรปิดทั่วไปเนื่องจากการออกแบบและวัสดุที่ใช้
  2. การติดตั้งซับซ้อน: ต้องการผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งและบำรุงรักษา
  3. การบำรุงรักษา: ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงกว่า
  4. น้ำหนักมากกว่า: มีน้ำหนักมากกว่าทำให้การติดตั้งยุ่งยากกว่า
  5. ขนาดใหญ่กว่า: ขนาดใหญ่กว่าทำให้ต้องการพื้นที่ติดตั้งมากกว่า

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542

 

 

ข้อดีของกล้องวงจรปิดทั่วไป

  1. ราคาถูกกว่า: ราคาถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับกล้องกันระเบิด
  2. ติดตั้งง่ายกว่า: การติดตั้งไม่ซับซ้อน สามารถติดตั้งได้ง่ายกว่า
  3. การบำรุงรักษาง่ายกว่า: ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำกว่า
  4. น้ำหนักเบากว่า: มีน้ำหนักเบากว่า ทำให้การติดตั้งสะดวกกว่า
  5. ขนาดเล็กกว่า: ขนาดเล็กกว่า ทำให้ไม่ต้องการพื้นที่ติดตั้งมาก

ข้อเสียของกล้องวงจรปิดทั่วไป

  1. ไม่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมเสี่ยง: ไม่สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงได้
  2. ไม่มีการรับรองมาตรฐาน: ไม่มีการรับรองมาตรฐาน ATEX และ IECEx
  3. ความปลอดภัยต่ำกว่า: มีความเสี่ยงในการเกิดประกายไฟหรือการระเบิด
  4. การป้องกันฝุ่นและน้ำต่ำกว่า: มาตรฐานการป้องกันฝุ่นและน้ำต่ำกว่า
  5. ไม่ทนทานต่อสารเคมี: วัสดุที่ใช้ไม่สามารถทนทานต่อสารเคมีได้
  6. ฟังก์ชันการตรวจจับอัจฉริยะน้อยกว่า: มีฟังก์ชันการตรวจจับน้อยกว่า
  7. ความสามารถในการทำงานที่อุณหภูมิต่ำต่ำกว่า: ไม่สามารถทำงานได้ในอุณหภูมิต่ำมาก
  8. ความน่าเชื่อถือในการทำงานต่ำกว่า: อาจมีปัญหาในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย
  9. การป้องกันการกัดกร่อนต่ำกว่า: ไม่สามารถป้องกันการกัดกร่อนได้
  10. ไม่มีฟังก์ชันป้องกันหมอก: ไม่มีฟังก์ชันป้องกันหมอกที่กระจกหน้ากล้อง
  11. การตรวจสอบและเฝ้าระวังน้อยกว่า: ระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนน้อยกว่า
  12. ความคงทนในการใช้งานระยะสั้นกว่า: อายุการใช้งานสั้นกว่า
  13. ความปลอดภัยของบุคลากรต่ำกว่า: ไม่สามารถลดความเสี่ยงในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงได้
  14. การบันทึกเสียงน้อยกว่า: มักไม่มีไมโครโฟนในตัวสำหรับการบันทึกเสียง
  15. การเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยน้อยกว่า: การเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยอื่นๆ น้อยกว่า

การเลือกใช้กล้องวงจรปิดกันระเบิดในพื้นที่โรงกลั่นน้ำมันจะมีข้อดีหลายประการในเรื่องของความปลอดภัยและความทนทาน แม้จะมีข้อเสียในเรื่องของราคาและการติดตั้งที่ซับซ้อนกว่า

แต่เมื่อเทียบกับการใช้กล้องวงจรปิดทั่วไป การเลือกใช้กล้องวงจรปิดกันระเบิดจะมีความเหมาะสมและคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาวสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง

 

Dahua Explosion Proof

ATEX (Atmospheres Explosibles) และ IECEx (International Electrotechnical Commission System for Certification to Standards Relating to Equipment for Use in Explosive Atmospheres)

เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการระเบิด เช่น โรงงานเคมี โรงกลั่นน้ำมัน และพื้นที่ที่มีก๊าซหรือฝุ่นระเบิด

  • ATEX  เป็นมาตรฐานของสหภาพยุโรปที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์และระบบป้องกันที่ใช้ในบรรยากาศที่อาจเกิดการระเบิดได้ มาตรฐานนี้ครอบคลุมทั้งการออกแบบ การผลิต และการใช้งานของอุปกรณ์ดังกล่าว
  • IECEx  เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์และระบบป้องกันที่ใช้ในบรรยากาศที่อาจเกิดการระเบิดได้ เช่นเดียวกับ ATEX แต่มาตรฐานนี้ได้รับการยอมรับทั่วโลก ทำให้การค้าระหว่างประเทศสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

การทำเครื่องหมายการป้องกันการระเบิด

การทำเครื่องหมายการป้องกันการระเบิด เช่น “Ex db IIC T6 Gb/Ex tb IIIC T80℃ Db” เป็นระบบการระบุคุณลักษณะของอุปกรณ์ที่สามารถใช้ในบรรยากาศที่อาจเกิดการระเบิดได้ โดยมีความหมายดังนี้:

  • Ex: สัญลักษณ์แสดงว่าอุปกรณ์นี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานในบรรยากาศที่อาจเกิดการระเบิดได้
  • db: สัญลักษณ์แสดงวิธีการป้องกันการระเบิด (ในกรณีนี้คือ “db” หมายถึงการป้องกันการระเบิดในตัวอุปกรณ์)
  • IIC: กลุ่มก๊าซที่อุปกรณ์สามารถทนได้ (IIC หมายถึงก๊าซที่มีความเสี่ยงสูงสุด เช่น ไฮโดรเจน)
  • T6: ระดับอุณหภูมิสูงสุดที่อุปกรณ์สามารถทนได้โดยไม่ทำให้เกิดการระเบิด (T6 หมายถึงอุณหภูมิสูงสุด 85°C)
  • Gb: ระดับการป้องกันการระเบิดของอุปกรณ์ (Gb หมายถึงระดับสูงสำหรับการใช้งานในโซน 1 และ 2)
  • tb: สัญลักษณ์การป้องกันฝุ่น (tb หมายถึงการป้องกันการระเบิดในตัวอุปกรณ์สำหรับฝุ่น)
  • IIIC: กลุ่มฝุ่นที่อุปกรณ์สามารถทนได้ (IIIC หมายถึงฝุ่นที่มีความเสี่ยงสูงสุด เช่น ฝุ่นนำไฟฟ้า)
  • T80℃: อุณหภูมิสูงสุดของพื้นผิวที่อุปกรณ์สามารถทนได้ (80°C)
  • Db: ระดับการป้องกันการระเบิดของอุปกรณ์สำหรับฝุ่น (Db หมายถึงระดับสูงสำหรับการใช้งานในโซน 21 และ 22)

ความสำคัญของมาตรฐานและการทำเครื่องหมาย

  • ความปลอดภัย: การมีมาตรฐานและการทำเครื่องหมายเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจว่าอุปกรณ์จะไม่ทำให้เกิดการระเบิดเมื่อใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง
  • ความเชื่อถือได้: มาตรฐานเหล่านี้ได้รับการยอมรับทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของอุปกรณ์
  • การปฏิบัติตามกฎหมาย: ในหลายประเทศ มาตรฐานเหล่านี้เป็นข้อกำหนดทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อให้สามารถนำเข้าและใช้งานอุปกรณ์ได้

การมีมาตรฐานและการทำเครื่องหมายการป้องกันการระเบิดเช่นนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงจะสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

 

Explosion Proof Housing

มาตรฐาน ATEX และ IECEx ถือเป็นมาตรฐานสูงสุด และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในบรรยากาศที่อาจเกิดการระเบิด อย่างไรก็ตาม

ยังมีมาตรฐานและข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่อาจเกิดการระเบิดและการกัดกร่อน ซึ่งบางมาตรฐานเหล่านี้อาจเน้นในด้านเฉพาะบางด้านมากกว่า ขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งาน เช่น:

1. UL (Underwriters Laboratories)

  • UL913: มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ในพื้นที่อันตราย คล้ายกับมาตรฐาน ATEX และ IECEx แต่เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา
  • UL1203: มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าป้องกันการระเบิดที่ใช้ในพื้นที่ที่มีก๊าซและฝุ่น

2. CSA (Canadian Standards Association)

  • CSA C22.2 No. 157: มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับใช้ในพื้นที่อันตราย
  • CSA C22.2 No. 213: มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ป้องกันการระเบิดในแคนาดา

3. FM (Factory Mutual)

  • FM 3610: มาตรฐานสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในบรรยากาศที่อาจเกิดการระเบิดและต้องการความน่าเชื่อถือสูงในสถานการณ์ฉุกเฉิน

4. NEC (National Electrical Code)

  • NEC 500: กฎข้อบังคับสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่อันตรายในสหรัฐอเมริกา

5. EN Standards (European Norms)

  • EN 60079: มาตรฐานยุโรปที่ครอบคลุมอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับบรรยากาศที่มีการระเบิด สามารถใช้ร่วมกับมาตรฐาน ATEX ได้

ความแตกต่างและข้อดีของมาตรฐานอื่นๆ

  • UL และ CSA: เป็นมาตรฐานที่เน้นในภูมิภาคอเมริกาเหนือ มีการตรวจสอบและรับรองที่เข้มงวดเช่นกัน
  • FM: เน้นในด้านความน่าเชื่อถือสูงในสถานการณ์ฉุกเฉินและการป้องกันการระเบิดในอุตสาหกรรมหนัก
  • NEC: กฎข้อบังคับที่ครอบคลุมการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในพื้นที่อันตรายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วยให้การติดตั้งและการปฏิบัติงานเป็นไปตามกฎหมาย

 

Explosion Proof CCTV

 

มาตรฐาน ATEX และ IECEx นับเป็นมาตรฐานที่มีความครอบคลุมและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่การเลือกใช้มาตรฐานอื่นๆ เช่น UL, CSA, FM หรือ NEC ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและข้อกำหนดของพื้นที่นั้นๆ ที่อุปกรณ์จะถูกนำไปใช้งาน

หากคุณต้องการมาตรฐานที่เน้นในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ ควรตรวจสอบว่ามาตรฐานใดเหมาะสมกับการใช้งานของคุณที่สุด

พื้นที่อันตรายที่อาจมีการผสมระเบิดของก๊าซและฝุ่นระเบิด หมายถึง พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดการระเบิดเนื่องจากการมีส่วนผสมของก๊าซ, ไอระเหย, หมอก

หรือฝุ่นในอากาศที่สามารถทำปฏิกิริยากับแหล่งจุดประกายไฟได้ มาตรฐาน ATEX และ IECEx ได้แบ่งประเภทของก๊าซและฝุ่น รวมถึงระดับอุณหภูมิที่ทำให้เกิดการระเบิดได้ เพื่อระบุความเสี่ยงในพื้นที่เหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

กลุ่มก๊าซ (Gas Groups)
กลุ่มก๊าซในมาตรฐาน ATEX และ IECEx แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ IIA, IIB, และ IIC โดยกลุ่ม IIC มีความเสี่ยงสูงสุด:

  • Group IIA: ก๊าซที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดในสามกลุ่ม เช่น โพรเพน
  • Group IIB: ก๊าซที่มีความเสี่ยงปานกลาง เช่น เอทิลีน
  • Group IIC: ก๊าซที่มีความเสี่ยงสูงสุด เช่น ไฮโดรเจนและอะเซทิลีน

กลุ่มฝุ่น (Dust Groups)
กลุ่มฝุ่นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ IIIA, IIIB, และ IIIC โดยกลุ่ม IIIC มีความเสี่ยงสูงสุด:

  • Group IIIA: ฝุ่นจากเส้นใย เช่น ฝุ่นจากผ้าฝ้าย
  • Group IIIB: ฝุ่นที่ไม่ใช่เส้นใย เช่น ฝุ่นจากแป้ง
  • Group IIIC: ฝุ่นนำไฟฟ้า เช่น ฝุ่นจากโลหะ

ระดับอุณหภูมิ (Temperature Class)
ระดับอุณหภูมิ T1 ถึง T6 ระบุอุณหภูมิสูงสุดที่พื้นผิวของอุปกรณ์สามารถทนได้โดยไม่ทำให้เกิดการระเบิด:

  • T1: อุณหภูมิสูงสุด 450°C
  • T2: อุณหภูมิสูงสุด 300°C
  • T3: อุณหภูมิสูงสุด 200°C
  • T4: อุณหภูมิสูงสุด 135°C
  • T5: อุณหภูมิสูงสุด 100°C
  • T6: อุณหภูมิสูงสุด 85°C

โซนพื้นที่เสี่ยง (Hazardous Area Zones)
พื้นที่อันตรายแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ เพื่อระบุระดับความเสี่ยงและความถี่ของการเกิดบรรยากาศระเบิด:

Gas Zones:

  • Zone 0: พื้นที่ที่มีบรรยากาศระเบิดอยู่ตลอดเวลา (มากกว่า 1000 ชั่วโมง/ปี)
  • Zone 1: พื้นที่ที่มีบรรยากาศระเบิดเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว (10-1000 ชั่วโมง/ปี)
  • Zone 2: พื้นที่ที่มีบรรยากาศระเบิดเกิดขึ้นในบางครั้ง (น้อยกว่า 10 ชั่วโมง/ปี)

Dust Zones:

  • Zone 20: พื้นที่ที่มีฝุ่นระเบิดอยู่ตลอดเวลา (มากกว่า 1000 ชั่วโมง/ปี)
  • Zone 21: พื้นที่ที่มีฝุ่นระเบิดเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว (10-1000 ชั่วโมง/ปี)
  • Zone 22: พื้นที่ที่มีฝุ่นระเบิดเกิดขึ้นในบางครั้ง (น้อยกว่า 10 ชั่วโมง/ปี)

การจัดประเภทก๊าซและฝุ่น รวมถึงการแบ่งโซนและระดับอุณหภูมิ เป็นมาตรการสำคัญในการระบุและป้องกันความเสี่ยงในการเกิดการระเบิดในพื้นที่ที่อาจมีการผสมระเบิด เพื่อให้การออกแบบและการติดตั้งอุปกรณ์ในพื้นที่เหล่านี้เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

 

Explosion Proof Security

 

คำถามที่พบบ่อย  กล้องกันระเบิด

1. ทำไมต้องเลือกติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิด
คำตอบ: การเลือกติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิดเป็นสิ่งจำเป็นในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิด เช่น โรงกลั่นน้ำมัน เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟหรือการระเบิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการทำงานของบุคลากรในพื้นที่เหล่านี้

2. มาตรฐาน ATEX และ IECEx คืออะไร และทำไมสำคัญ
คำตอบ: มาตรฐาน ATEX และ IECEx เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในบรรยากาศที่อาจเกิดการระเบิด มาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้มั่นใจว่าอุปกรณ์จะไม่ทำให้เกิดการระเบิดเมื่อใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง

3. กล้องวงจรปิดกันระเบิดมีคุณสมบัติอะไรที่ทำให้แตกต่างจากกล้องทั่วไป
คำตอบ: กล้องวงจรปิดกันระเบิดมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อการระเบิด การกัดกร่อน ความร้อน และแรงดันสูง มักจะมีการรับรองมาตรฐาน ATEX และ IECEx และออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เช่น สารเคมีและฝุ่นระเบิด

4. การติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิดยากแค่ไหน
คำตอบ: การติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิดอาจซับซ้อนกว่าเนื่องจากต้องการผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรฐานการติดตั้งอย่างเคร่งครัด

5. การบำรุงรักษากล้องวงจรปิดกันระเบิดมีความซับซ้อนหรือไม่
คำตอบ: การบำรุงรักษากล้องวงจรปิดกันระเบิดอาจมีความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงกว่ากล้องทั่วไป เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังคงทำงานได้อย่างปลอดภัย

6. กล้องวงจรปิดกันระเบิดสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบใดได้บ้าง
คำตอบ: กล้องวงจรปิดกันระเบิดสามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงกลั่นน้ำมัน โรงงานเคมี สถานีเติมน้ำมัน และพื้นที่ที่มีก๊าซหรือฝุ่นระเบิด นอกจากนี้ยังทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงและต่ำ

7. กล้องวงจรปิดกันระเบิดมีราคาเท่าไร
คำตอบ: ราคาของกล้องวงจรปิดกันระเบิดจะแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติและประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้วจะมีราคาสูงกว่ากล้องวงจรปิดทั่วไปเนื่องจากวัสดุและการออกแบบที่ทนทานและปลอดภัย

 

 

สรุป
การเลือกติดตั้งกล้องวงจรปิดกันระเบิดในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการทำงาน แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและการติดตั้งที่ซับซ้อน

แต่ประโยชน์ที่ได้รับจากความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์นั้นคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว

 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง.   รั้วไฟฟ้า   สัญญาณกันขโมย

 

สอบถามข้อมูล  สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา

Line: @cctvbangkok.com
ติดต่อทางเมลส์
ติดต่อเฟสบุค
ติดต่อยูทูป

HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542