Hiview ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ระบบรักษาความปลอดภัย

Hiview เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายระบบรักษาความปลอดภัย บริษัทนี้เริ่มทำการตั้งแต่ปี 2536 และมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในด้านนี้ พวกเขาให้บริการหลากหลาย

ตั้งแต่กล้องวงจรปิด, อุปกรณ์ IOT, ประตูคีย์การ์ด, มอเตอร์ประตู, ระบบไม้กั้น, และป้ายไฟ LED นอกจากนี้ยังมีบริการติดตั้งจากตัวแทนจำหน่ายมืออาชีพมากกว่า 3000 รายทั่วประเทศ

และมีบริการจัดอบรมสำหรับตัวแทนจำหน่ายเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของพวกเขา

Hiview เป็นหนึ่งในยี่ห้อกล้องวงจรปิดที่ให้บริการในตลาดกล้องวงจรปิด โดยมีจุดเด่นในด้านคุณภาพภาพ, ความทนทาน, และความสามารถในการเชื่อมต่อที่หลากหลาย นี่คือบางลักษณะของกล้องวงจรปิด Hiview

1. คุณภาพภาพ  กล้อง Hiview มักมีความละเอียดสูง เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนและมีรายละเอียด สามารถใช้งานได้ดีในสภาพแสงต่างๆ

2. ความทนทาน  ออกแบบมาเพื่อความทนทาน สามารถทนต่อสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี

3. การเชื่อมต่อ  กล้อง Hiview มีตัวเลือกในการเชื่อมต่อที่หลากหลาย รวมถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wi-Fi) หรือผ่านสายเคเบิล

4. การตรวจจับการเคลื่อนไหว  มีคุณสมบัติในการตรวจจับการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจสอบและรักษาความปลอดภัย

5. การใช้งานและการตั้งค่าที่ง่าย  ออกแบบให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าและใช้งานได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งหรือการจัดการผ่านแอพพลิเคชั่น

6. การมองเห็นในที่มืด  ส่วนใหญ่ของกล้อง Hiview มีคุณสมบัติการมองเห็นในที่มืด ทำให้สามารถใช้งานได้ดีแม้ในสภาพแสงน้อย

7. ราคา  กล้อง Hiview มีราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการระบบความปลอดภัยที่มีคุณภาพ แต่มีงบประมาณจำกัด

8. ความเหมาะสมกับงานต่างๆ  เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในบ้านและสถานประกอบการขนาดเล็กถึงกลาง

กล้องวงจรปิด Hiview ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า.

 

ปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้าของกล้องวงจรปิดไฮวิว มาใช้งานเบื้องต้น

1. ความต้องการของคุณ  กำหนดความต้องการส่วนตัว เช่น การติดตั้งภายในหรือภายนอก, คุณภาพภาพที่ต้องการ, และฟีเจอร์พิเศษ เช่น การตรวจจับการเคลื่อนไหว

2. คุณภาพและความทนทาน  พิจารณาความทนทานต่อสภาพอากาศและความละเอียดของภาพ

3. ความเข้ากันได้กับระบบที่มีอยู่  ตรวจสอบว่าสินค้า Hiview เข้ากันได้กับระบบรักษาความปลอดภัยหรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่คุณใช้อยู่หรือไม่

4. การเชื่อมต่อและการเข้าถึง  ตรวจสอบวิธีการเชื่อมต่อและการเข้าถึงข้อมูล เช่น ผ่าน Wi-Fi หรือเครือข่าย

5. งบประมาณ  กำหนดงบประมาณของคุณและเลือกสินค้าที่เหมาะสม

6. การรับประกันและการสนับสนุนหลังการขาย  ตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันและความพร้อมในการสนับสนุนหลังการขาย

7. รีวิวและการรับฟังจากผู้ใช้งานอื่นๆ  การศึกษาข้อมูลจากรีวิวหรือประสบการณ์ของผู้ใช้งานอื่นๆ อาจเป็นประโยชน์

การพิจารณาตามหลักเกณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกซื้อสินค้า Hiview ที่ตอบโจทย์ความต้องการและคุ้มค่ากับการลงทุน.

 

 

ปัจจุบันจำหน่ายอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่หลากหลาย ได้แก่

1. กล้องวงจรปิด  มีทั้งแบบ Analog HD และ IP Camera พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ เช่น การตรวจจับการเคลื่อนไหว

2. อุปกรณ์ IoT  เช่น เซ็นเซอร์ต่างๆ สำหรับระบบความปลอดภัยบ้านอัจฉริยะ

3. ระบบคีย์การ์ด  สำหรับการควบคุมการเข้าออกของอาคารหรือห้องพัก

4. มอเตอร์ประตูและระบบไม้กั้น  สำหรับการควบคุมการเข้าออกของยานพาหนะ

5. ป้ายไฟ LED และจอแสดงผล  สำหรับการแสดงข้อมูลหรือโฆษณา

6. ระบบไม้กั้น  ใช้ในการควบคุมการเข้าออกของยานพาหนะ

7. ระบบพลังงานแสงอาทิตย์  เช่น แผงโซลาร์เซลล์และอินเวอร์เตอร์

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยทั้งในบ้านและสถานประกอบการ โดยมีคุณสมบัติที่ทันสมัยและเหมาะสมกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน.

 

 

การกำหนดให้ทุกอุปกรณ์มีเลขที่อยู่เป็นของตนเอง  ไม่มีความซ้ำซ้อนกับอุปกรณ์อื่นในระบบเครือข่ายเดียวกันหรือระบบเครือข่ายอื่น   การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์เป็นการเชื่อมต่อด้วยเลขที่อยู่แต่ละอุปกรณ์โดยตรง   

ส่งผลให้การควบคุมดูแลการเชื่อมต่อกล้องวงจรปิดเป็นไปได้ง่ายและรวดเร็ว  ยังสามารถควบคุมดูแลรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูลบนอุปกรณ์ได้ง่าย  

 

Hiview

 

ลักษณะการจัดการเลขที่อยู่แบบคลาสฟูลจะพิจารณาบนโพรโทคอลไอพีรุ่นที่  4  มีขนาดเลขที่อยู่เท่ากับ  32   บิต  และแบ่งเลขที่อยู่ออกเป็นคลาสที่แตกต่างกัน  5  คลาสในทุกคลาสจะมีการแบ่งแต่ละช่วง

บิตของเลขที่อยู่ออกเป็น  2  ส่วน  คือ  ส่วนของชื่อเครือข่ายเรียกว่าเน็ตไอดี  และส่วนของชื่อโฮสต์  หรือโดยทั่วไปเรียกว่า  โฮสต์ไอดี และการกำหนดเลขที่อยู่ ขนาดของแต่ละส่วนจะมีขนาดแตกต่างกันไปตามคลาสของเลขที่อยู่   

การจัดการเลขที่อยู่แบบคลาสฟูลเป็นรูปแบบการจัดการตามสถาปัตยกรรมแบบลำดับชั้นในเบื้องต้น  ผลของการกำหนดให้ระบบการกำหนดเลยที่อยู่เป็นแบบคลาสฟูลก็มีข้อจำกัดหลายประการ  ดังนี้

1. จำนวนเครือข่ายในคลาส A  และคลาส  B  มีจำนวนน้อย   ในปัจจุบันเหลือเพียงเลขที่อยู่ของคลาส  C  เท่านั้น
   
   
2. จำนวนอุปกรณ์บนเครือข่ายของคลาส A  และคลาส B  มีจำนวนมากแต่ในความเป็นจริง  แต่ละเครือข่ายในคลาสทั้งสองไม่สามารถติดตั้งจำนวนอุปกรณ์ตามจำนวนสูงสุดที่แต่ละคลาสสามารถรองรับได้ 
   
   ซึ่งแตกต่างจากคลาส  C  ที่มีข้อจำกัดในจำนวนอุปกรณ์บนเครือข่ายน้อยมาก  จำนวนอุปกรณ์บนเครือข่ายของคลาส  C  จึงไม่เพียงพอต่อการใช้งานอย่างแท้จริง
   
   
3. ในกรณีที่องค์กรมีอุปกรณ์จำนวนมากกว่าเลขที่อยู่ของคลาส C  จะรองรับได้  แต่การกำหนดให้องค์กรนั้น  ๆ  ใช้เลขที่อยู่ของคลาส  B  อย่างสมบูรณ์ต่อหนึ่งเครือข่ายที่ต้องการ
   
   ติดตั้งจะส่งผลให้การใช้งานเลขที่อยู่ไม่คุ้มค่าเนื่องจากจำนวนเลขที่อยู่ไอพีที่ไม่ได้ใช้งานจะมีจำนวนมาก

 

 

การกำหนดเลขที่อยู่แบบซับเน็ต

การจัดทำซับเน็ตเพื่อกำหนดเลขที่อยู่เป็นวิธีการที่ใช้แบ่งเครือข่ายขนาดใหญ่ออกเป็นขนาดย่อยเพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการได้ง่ายของการกำหนดเลขที่อยู่แบบคลาสฟูล  

การนำส่วนหนึ่งของ Hostld  ของเนเชอรรัลมาสก์ในคลาสต่างๆ  มาจัดเป็นซับเน็ตมาสก์  การจัดทำซับเน็ตมาสก์ช่วยให้จำนวนเครือข่ายย่อยในคลาสต่างๆ  มีจำนวนมากยิ่งขึ้น  

การจัดทำซับเน็ตไม่นิยมทำกับเครือข่ายในคลาส  C  จำนวนของ Hostld  มีจำนวนน้อยมากอยู่แล้ว   วิธีการจัดทำซับเน็ต   คือ  การเปลี่ยนบิตในไลน์ส่วน  Hostld  ของเลขที่อยู่ของเนเชอรัลมาสก์ 

และในขณะเดียวกันอุปกรณ์ในแต่ละซับเน็ตจะประกอบไปด้วยหมายเลขที่อยู่ที่ถูกแบ่งออกเป็น  3  ส่วน  คือ  Netld, subNetld  และHostld    แม้การจัดทำซับเน็ตจะช่วยให้แต่ละองค์กรสามารถขยายจำนวนเครือข่ายภายในของตนได้ 

แต่ข้อจำกัดของการจัดทำก็คือ   ขนาดของเครือข่ายทุกซับเน็ตต้องมีขนาดที่เท่ากันเท่านั้น   ในความเป็นจริงแต่ละหน่วยงานย่อยภายในองค์กรอาจมีจำนวนผู้ใช้งานหรือจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้งบนเครือข่ายไม่เท่ากัน  

การใช้ซับเน็ตในลักษณะนี้ก็จะยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างสมบูรณ์

 

 

การกำหนดเลขที่อยู่แบบซับเน็ตชนิดความยาวแปรได้

เครือข่ายขนาดใหญ่มีการแบ่งให้เป็นเครือข่ายย่อย ๆ  ที่เรียกว่าซับเน็ตมีข้อจำกัดว่าขนาดของเครือข่ายต้องมีจำนวนอุปกรณ์บนเครือข่ายเท่ากันทุกเครือข่าย  ซึ่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงขององค์กรได้  

ดังนั้นการพัฒนาเทคนิคการกำหนดเลขที่อยู่แบบซับเน็ตชนิดความยาวแปรได้เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้แก้ปัญหาของการจัดทำซับเน็ตในกรณีที่ความต้องการของผู้ใช้งานบนเครือข่ายมีจำนวนไม่เท่ากันเกิดขึ้น  

การกำหนดเลขที่อยู่แบบซับเน็ตเห็นว่าขนาดของแต่ละเครือข่ายกับจำนวนบิตของเนเชอรัลมาสก์จะได้ทุกซับเน็ตมาสก์จะมีการเปลี่ยนบิตที่เท่ากันเสมอ   

การกำหนดเลขที่อยู่แบบซับเน็ตชนิดความยาวแปรได้จะใช้วิธีการที่ให้จำนวนบิตของเนเชอรัลมาสก์ที่เปลี่ยนไปมีขนาดแตกต่างกันตามเครือข่ายที่ต้องการ 

เรียกมาสก์ของการกำหนดเลขที่อยู่แบบซับเน็ตชนิดความยาวแปรได้นี้ว่า  มาสก์ของซับเน็ตชนิดความยาวแปรได้  เรียกย่อ  ๆ  ว่า  วีแอลเอสเอ็ม    

การใช้เทคนิคต้องพิจารณาจัดกลุ่มอุปกรณ์บนเครือข่ายให้ชัดเจนเพื่อสามารถเลือกได้ว่าจำนวนซับเน็ตทั้งหมดจะมีเท่าใดและภายในแต่ละซับเน็ตจะมีอุปกรณ์ติดตั้งอยู่กี่เครื่องหากกำหนดจำนวนกลุ่ม

ของซับเน็ตที่ต้องการพร้อมกับอุปกรณ์บนแต่ละกลุ่มได้ผู้ออกแบบและผู้ดูแลเครือข่ายสามารถกำหนดได้ว่าจะเปลี่ยนจำนวนบิตส่วน  Hotldจำนวนกี่บิตจึงจะได้จำนวนเครือข่ายย่อยที่เหมาะสมในแต่ละกลุ่มได้

 

 

การกำหนดเลขที่อยู่แบบซูเปอร์เน็ตติง

              การกำหนดเลขที่อยู่แบบซูเปอร์เน็ตติ้งเป็นวิธีการที่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหา  ด้วยการเปลี่ยนวิธีการพิจารณาค่ามาสก์จากเดิมอย่างน้อยตามจำนวนบิตมาตรฐาน 

เป็นการเลือกพิจารณาเฉพาะบิตของมาสก์ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้และมาสก์ที่เกิดขึ้นจากการพิจารณานี้  เรียกว่า  ซูเปอร์เน็ตมาสก์

                 การใช้ซูเปอร์เน็ตติง  เป็นการลดขนาดของ  Netld จากเดิมและเลขที่อยู่ของอุปกรณ์ในลักษณะนี้ไม่มีการกำหนดขอบเขตที่เกิดจากคลาสของเลขที่อยู่   การกำหนดเลขที่อยู่ด้วยวิธีต่างๆ 

โดยทั่วไปเทคนิคการกำหนดเลขที่อยู่ในลักษณะนี้จึงมีชื่อรู้จักกันย่อมาจากคำว่า  คลาสเลสอินเตอร์โดเมนเราว์ติง   หรือการจัดเส้นทางระหว่างโดเมนแบบไร้กลุ่ม  

กลุ่มของเครือข่ายภายใต้ซูเปอร์เน็ตมาสก์เดียวกันจะมีจำนวนบิตที่มีการเปลี่ยนแปลงในมาสก์  อีกทั้งเลขที่อยู่ของเครือข่ายในกลุ่มเดียวกันเป็นเลขที่มีความต่อเนื่องกัน

 

 

การกำหนดเลขที่อยู่แบบส่วนบุคคลและการแปลเลขที่อยู่เครือข่าย

                ปัจจุบันมีการกำหนดเลขที่อยู่หลากหลายวิธีเพื่อให้การบริหารจัดการเครือข่ายมีความสะดวกยิ่งขึ้น   การใช้เลขที่อยู่ไอพีอย่างมีประสิทธภาพ  จำนวนเลขที่อยู่ไอพีที่กำหนดด้วยบิตนั้นหากเปรียบเทียบ

กับจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อกับเครือข่ายจะพบว่าจำนวนเลขที่อยู่ไอพีมีไม่เพียงพอกับความต้องการ  จึงได้มีวิธีการกำหนดเลขที่อยู่แบบส่วนบุคคลขึ้นเพื่อนำเลขที่อยู่ไอพีที่มีการกำหนดโดยองค์กร  IEEE 

มาใช้เฉพาะในแลนขององค์กรเท่านั้น    เลขที่อยู่ไอพีที่กำหนดข้างต้นเป็นเลขที่อยู่ไอพีที่ไม่ปรากฏให้แก่องค์กรหรืออุปกรณ์อื่นนอกเครือข่ายเดียวกันได้รับรู้   

การส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ภายในเครือข่ายที่กำหนดเลขที่อยู่ไอพีแบบส่วนบุคคลต้องมีการใช้เลขที่อยู่ไอพีอื่นเพื่อใช้ในการสื่อสารสู่อุปกรณ์และเครือข่ายอื่น  ๆ  

ข้อมูลที่ต้องการส่งออกจากเครือข่ายที่ใช้เลขที่อยู่ไอพีส่วนบุคคลนี้ต้องมีการแปลเลขไอพีส่วนบุคคลเป็นเลขที่อยู่ไอพีสาธารณะด้วยกลไกการแปลเลขที่อยุ่เครือข่าย  หรือเรียกย่อ  ๆ  ว่า  แน็ต  (NAT)    

กลไกการแปลเลขที่อยู่ระหว่างเลขที่อยู่ไอพีส่วนบุคคลกับเลขที่อยู่ไอพีสาธารณะเกิดขึ้นด้วยการสร้างส่วนยึดระหว่างเลขที่อยู่ทั้งสองในลักษณะต่าง  ๆ  กัน  ดังนี้

1. การสร้างส่วนยึดหนึ่ง – ต่อ – หนึ่ง เรียกว่าแน็ตแบบสถิต
   
   
2. การส่วนยึดแบบหนึ่ง – ต่อ – หลายอุปกรณ์ เรียกว่าแน็ตแบบพลวัต
   
   
3. การสร้างส่วนยึดระหว่างเลขที่อยู่กับหมายเลขพอร์ต รู้จักกันในชื่อของการแปลเลขที่อยู่เครือข่ายและพอร์ต เรียกชื่อย่อว่า  แนพต์

ผลจากการใช้เลขที่อยู่ไอพีแบบส่วนบุคคลก่อให้เครือข่ายขององค์กรมีความปลอดภัยจากการบุกรุกจากผู้ไม่ประสงค์ดีภายนอกองค์กรมากยิ่งขึ้น   อุปกรณ์อื่นๆ 

นอกเครือข่ายไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอุปกรณ์ภายในเครือข่ายนั้นมีเลขที่อยู่ไอพีในกลุ่ม

 

Related link :   รั้วไฟฟ้า   สัญญาณกันขโมย

 

สำหรับการซื้อสินค้าของ Hiview ในประเทศไทย คุณสามารถทำการซื้อได้จากหลายช่องทาง

1. ผ่านเว็บไซต์ของ Hiview: คุณสามารถซื้อสินค้าโดยตรงจากเว็บไซต์ของ Hiview

2. ตัวแทนจำหน่าย: Hiview มีตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 3000 รายทั่วประเทศไทย

3. ร้านค้าออนไลน์: อาจมีการจำหน่ายผ่านร้านค้าออนไลน์หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

4. ร้านค้าปลีก: ในบางพื้นที่อาจมีร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าของ Hiview

5. ผ่านการติดต่อโดยตรงกับฝ่ายขายของ Hiview: สามารถติดต่อผ่านเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลที่ระบุบนเว็บไซต์

คุณสามารถเยี่ยมชมสินค้าของ Hiview เพื่อดูรายละเอียดและข้อมูลการติดต่อได้ที่ Hiview

 

 

คำถามที่พบบ่อย สำหรับมือใหม่เลือกซื้อสินค้าของ Hiview

1. ความทนทานของสินค้ามีมากน้อยเพียงใด?

• สอบถามเกี่ยวกับความทนทานและการทนต่อสภาพอากาศ

2. ระยะเวลาการรับประกันสินค้า?

• ตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันและความคุ้มครอง

3. สินค้ามีคุณสมบัติอะไรบ้าง?

• ศึกษาคุณสมบัติพิเศษ เช่น การตรวจจับการเคลื่อนไหว

4. ติดตั้งและการใช้งานยากหรือไม่?

• สอบถามเกี่ยวกับความยากง่ายในการติดตั้งและการใช้งาน

5. มีการเข้าถึงและควบคุมจากระยะไกลได้หรือไม่?

• ตรวจสอบความสามารถในการเข้าถึงผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

6. ราคาสินค้าเหมาะสมกับคุณภาพหรือไม่?

• เปรียบเทียบราคากับคุณภาพและคุณสมบัติ

7. มีบริการหลังการขายหรือไม่?

• สอบถามเกี่ยวกับการบริการหลังการขายและการสนับสนุนเทคนิค

8. การเชื่อมต่อกับระบบที่มีอยู่?

• ตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบอื่นๆ

9. มีการอัปเดตซอฟต์แวร์และเฟิร์มแวร์หรือไม่?

• สอบถามเกี่ยวกับการอัปเดตเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

10. มีบริการติดตั้งจากตัวแทนจำหน่ายหรือไม่?

• ตรวจสอบบริการติดตั้งจากตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

การพิจารณาคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกซื้อสินค้าของ Hiview ที่ตรงกับความต้องการและคุ้มค่ากับการลงทุน.