กล้องวงจรปิด Hiview ซึ่งเป็นแบรนด์ของคนไทย มีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการติดตั้งใช้งานในบ้านหรือสถานประกอบการ จุดเด่นสำคัญ ๆ ของกล้องวงจรปิด Hiview
1. ความละเอียดของภาพสูง ให้ภาพที่ชัดเจนและมีรายละเอียดสูง เหมาะสำหรับการจับภาพในพื้นที่ที่ต้องการความชัดเจน
2. การออกแบบที่เหมาะสมกับสภาพอากาศในไทย มีความทนทานต่อสภาพอากาศเปียกชื้นและร้อนจัด
3. รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย สำหรับการติดตั้งที่สะดวกและยืดหยุ่นโดยไม่ต้องเดินสาย
4. ฟังก์ชันตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อการแจ้งเตือนและบันทึกเหตุการณ์ที่สำคัญ
5. การมองเห็นในที่มืด มีคุณสมบัติการมองเห็นในที่มืดที่ช่วยให้สามารถจับภาพได้แม้ในสภาวะแสงน้อย
6. การเข้าถึงและควบคุมระยะไกล สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเพื่อดูและควบคุมกล้องจากระยะไกล
7. ระบบเสียงสองทาง สามารถสื่อสารได้ทั้งสองทางผ่านกล้อง
8. การอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ระบบปลอดภัยและทันสมัย
9. การสนับสนุนจากทีมงานในไทย สำหรับการบริการหลังการขายและการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว
10. คุ้มค่ากับราคา มีราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพและคุณสมบัติที่ได้รับ
การเลือกกล้องวงจรปิด Hiview สำหรับการใช้งานทั้งในบ้านและสถานประกอบการในไทย เป็นทางเลือกที่ดีเมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติและการออกแบบที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในประเทศ.
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
เทคโนโลยีการสลับกลุ่มข้อมูลมีการทำงานด้วยการแบ่งส่วนของข้อมูลออกเป็นกลุ่มข้อมูลย่อย เรียกว่า กลุ่มข้อมูล หรือแพ็กเก็ต แต่ละกลุ่มข้อมูลจะถูกส่งออกสู่เครือข่ายอย่างอิสระไม่ขึ้นต่อกัน
กลุ่มข้อมูลที่ถูกส่งไปสู่เครือข่ายที่ต้องการส่งจากแหล่งข้อมูลต้นทาง และข้อมูลเพื่อควบคุมการส่งไปอย่างถูกต้องโดยโหนดบนเครือข่ายจะตรวจสอบก่อนกลุ่มข้อมูลนั้นจะถูกส่งต่อไปยังโหนดถัดไปหรือปลายทางที่ต้องการ
และเมื่อถึงปลายทางครบถ้วนแล้วแหล่งรับข้อมูลจะดำเนินการรวมกลุ่มข้อมูลให้เป็นข้อความต้นฉบับที่มีลักษณะเหมือนข้อความที่แหล่งข้อมูลต้นทางต้องการส่ง
กล้องวงจรปิด Hiview
การรวมกลุ่มข้อมูลสามารถทำได้โดยใช้อุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ เรียกว่า อุปกรณ์การรวม / การแยกกลุ่มข้อมูล หรือแพด จะถูกติดตั้งที่เครื่องส่งข้อมูลต้นทางหรือโหนดบนเครือข่ายระหว่างการส่งข้อมูลก็ได้
ชนิดของการเชื่อมต่อ
การส่งข้อมูลด้วยวงจรสลับกลุ่มข้อมูลสามารถแบ่งการเชื่อมต่อออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
- แพ็กเก็ต ข้อมูลที่ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มข้อมูลขนาดเล็กเส้นทางการเชื่อมต่อระหว่างแหล่งส่งข้อมูลต้นทางกับโหนดตำแหน่งใกล้เคียงแหล่งส่งต้นทางมากที่สุดในเครือข่ายหรือพีดีเอ็นจะถูกตั้งขึ้น
โหนดปลายทางจะถูกระบุและพีดีเอ็นจะสร้างวงจรสลับหรือเอสวีซีขึ้น เมื่อการส่งสิ้นสุดลงเส้นทางการเชื่อมต่อจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ สรุปว่าเส้นทางการเชื่อมต่อประเภทเอสวีซีใช้ในกรณีที่การส่งกลุ่มข้อมูลเป็นการส่งในระยะสั้นๆ - การส่งกลุ่มข้อมูลจำนวนมากและบ่อยครั้ง เส้นทางการเชื่อมต่อพีวีซีหรือวงจรเสมือนถาวรถูกสร้างแทนเอสวีซี ทำหน้าที่คล้ายช่องทางสัญญาณที่มีราคาถูก
- การเชื่อมต่อวิธีสุดท้าย การเชื่อมต่อเพื่อส่งข้อมูลด้วยเดทาแกรม เป็นวิธีที่เหมาะกับการส่งข้อความขนาดเล็กมาก ผู้ใช้งานต้องควบคุมการเกิดความผิดพลาดที่อาจเกิดได้ตลอดเวลา รวมถึงข้อมูลที่สูฐหายระหว่างการสื่อสารอีกด้วย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
ตัวผกผันช่องสัญญาณ
กรณีจุดเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์หรือหน่วยงาน 2 จุดไม่มีการติดตั้งวงจรความเร็วสูง การส่งข้อมูลระหว่างจุดด้วยความจุปริมาณมากนั้นย่อมไม่สามารถทำเพราะข้อมูลจะล้นช่องสัญญาณและเกิดการสูญหายและการเชื่อมต่อสื่อสารของช่องสัญญาณ
ด้วยเหตุนี้ตัวผกผันช่องสัญญาณจะทำหน้าที่ในการเปลี่ยนกระแสข้อมูลความเร็วจากวงจรต้นทางเป็นกระแสข้อมูลความเร็วต่ำที่สามารถส่งสู่วงจรที่เชื่อมต่อระหว่างจุดปลายทางและทำหน้าที่ในการแปลงวงจรข้อมูลความเร็วต่ำเป็นกระแสข้อมูลความเร็วสูงสู่วงจรรับข้อมูลปลายทางได้
เงื่อนไขการเกิดความผิดพลาดในวงจรการสื่อสาร
โดยทั่วไปการสื่อสารข้อมูลไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือทางไกลก็ตาม การเลือกใช้สื่อชนิดกำหนดทิศทางได้หรือไม่สามารถกำหนดทิศทางได้ ก็อาจเกิดความผิดพลาดภายในวงจรการสื่อสารได้ ซึ่งความผิดพลาดมีโอกาสเกิดนั้นสามารถวา
- เสียง / สัดญญาณรบกวนไวต์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เสียง / สัญญาณรบกวนเกาส์เซียน ความผิดพลาดที่การสื่สารที่การแทรกสอดของสัญญาณโดยเกิดการแทรกสอดมีจังหวะในการเกิดคงที่
ลักษณะการเกิดสามารถกำหนดกลไกในกำจัดสัญญาณแทรกสอดออกจากสัญญาณข้อมูลได้โดยง่าย - เสียง / สัญญาณรบกวนอิมพัลส์ เป็นความผิดพลาดที่มีลักษณะคล้ายกับสัญญาณไวต์ แตกต่างกันที่จังหวะในการเกิดไม่คงที่ และไม่สามารถคาดเดาได้
การกำจัดสัญญาณแทรกสอดนี้ออกจากสัญญาณข้อมุลจึงทำได้ยาก เพราะจังหวะในการเกิดของสัญญาณไม่คงที่ - การอ่อนตัวของสัญญาณ ลักษณะของการส่งสัญญาณข้อมูลในระยะไกลทำให้กำลังไฟฟ้าที่ใช้ในการส่งข้อมูลมีความอ่อนตัวลงจากแหล่งข้อมูลเดิม
ส่งผลให้รูปร่างของสัญญาณไม่มีความคมชัด ยากต่อการรับสัญญาณข้อมูลจากแหล่งรับข้อมูลปลายทาง การแก้ไข การพัฒนาติดตั้งเครื่องกระตุ้นสัญญาณระหว่างเส้นทางการสื่อสารระยะไกล - การบิดเบือนของรูปสัญญาณ ลักษณะของการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของสัญญาณข้อมูลจากปัจจัยหรือผลกระทบจากภายนอก เช่น การแทรกสอดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ การชนกันของสัญญาณข้อมูลในช่องทางการสื่อสาร เป็นต้น
- การบิดเบือนของซองความหน่วง ปรากฏการณ์เกิดเมื่อการกระจายความถี่ในวงจรการสื่อสารไม่มีความเร็วเดียวกัน ค่าความหน่วงของการแพร่กระจายของวงจรไม่สัมพันธ์กัน
การเกิดปรากฏการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นหากคลื่นที่มีการบิดเบือนความหน่วงวิ่งผ่านตัวกรองการรบกวนของสัญญาณซึ่งมีการติดตั้งไว้เพื่อช่วยให้การสื่อสารมีความคมชัดมากขึ้น ผลที่เกิดคือการบิดเบือนของค่าความหน่วงจะมีมากขึ้นกว่าเดิม - การแปรเปลี่ยนของวัฏภาค การเปลี่ยนแปลงค่าวัฏภาคของคลื่นสัญญาณโดยนำคลื่นสัญญาณ ปัญหานี้จะเกิดเมื่อมีการใช้การกล้ำสัญญาณข้อมูลด้วยเทคนิคการเปลี่ยนค่าวัฏภาค
การปรับเปลี่ยนค่าในทันทีสามารถส่งผลให้อุปกรณ์กล้ำสัญญาณไม่สามารถรับรู้การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นนั้นได้ - เสียงสะท้อน สภาวะการย้อนของสัญญาณสู่แหล่งข้อมูลต้นทาง ซึ่งเกิดเมื่อมีกระแสไฟฟ้าย้อนกลับในวงจรการสื่อสารที่จุดปลายของวงจรการสื่อสารนั้น ๆ ที่จุดระหว่างกลางวงจรการสื่อสาร
ผลที่เกิดของการย้อนกลับของสัญญาณ คือบิตข้อมูลในช่องสัญญาณอาจเปลี่ยนไปจากเดิม หรือก่อให้เกิดความผิดพลาดในการสื่อสารได้ วงจรการสื่อสารบางวงจรมีการติดตั้งอุปกรณ์ระงับการสะท้อนกลับ เรียกว่า เครื่องระงับการสะท้อนเพื่อกำจัดเสียงสะท้อนที่อาจเกิดในขณะสื่อสารได้ - การแทรกสัญญาณข้ามวงจรหรือครอสทอล์ก การแทรกสอดที่เกิดจากช่องทางส่งสัญญาณหนึ่งสู่ช่องสัญญาณอีกช่องทางหนึ่ง การเกิดการแทรกสัญญาณข้ามวงจรนี้มีสาเหตุมาจากกำลังในการส่งสัญญาณในวงจรหนึ่ง
มีมากกว่ากำลังในการส่งสัญญาณของอีกวงจรที่ใกล้เคียงกัน อาจมีสาเหตุมาจากการทำมัลติเพล็กซ์ของคลื่นความถี่ของสัญญาณข้อมูลที่มีความใกล้เคียงกันมาก - การขาดหายของสัญญาณ เมื่อวงจรการสื่อสารหยุดชะงักการส่งข้อมูลชั่วคราวอย่างกะทันหัน มีสาเหตุมาจากการขาดกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงวงจรอย่างกะทันหัน
ทั่วไปการขาดหายของสัญญาณนี้จะเกิดเพียงชั่วขณะเป็นระยะสั้น ๆ เพียงไม่กี่วินาทีแล้วสภาวะการสื่อสารก็จะกลับคืนสู่ปกติ
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
การป้องกันความผิดพลาดในวงจรการสื่อสาร
กล้องวงจรปิดการสื่อสารมีสภาวะเปราะบางและได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกได้ผละกระทบเกิดขึ้นจะส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการส่งข้อมูลได้ จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่เกิดขึ้นภายในวงจรการสื่อสารอันสืบเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- การควบคุมตรวจสอบสถานะของเส้นทางการสื่อสารเป็นปัจจัยที่จะส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในวงจรการสื่อสารได้ หากสถานะของเส้นทางการสื่อสารที่มีความคับคั่งส่งผลให้โอกาส
ในการชนกันของสัญญาณข้อมูล ส่งผลให้รูปแบบของสัญญาณข้อมูลผิดพลาดไปจากเดิม หรือสัญญาณข้อมูลสูญหายไประหว่างการสื่อสารได้ง่าย - การหุ้มห่อช่องทางการสื่อสาร การสื่อสารเป็นการใช้สื่อประเภทกำหนดทิศทาง ประเภทของสายสัญญาณที่ใช้เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดโอกาสในการแทรกซ้อนของคลื่นสัญญาณต่างๆ ได้
หากสายเคเบิลใช้แกนทำจากลวดทองแดงเพื่อใช้นำไฟฟ้าแล้ว เกิดการแทรกสอดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีสูงมากจึงจำเป็นต้องพัฒนาการหุ้มห่อสื่อด้วยฉนวนประเภทต่างๆ
ที่สามารถป้องกันไม่ให้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากหม้อแปลงผลิตไฟฟ้าทางการสื่อสาร ส่งผลกระทบต่อสัญญาณข้อมูลที่วิ่งอยู่ภายในเส้นลวดนำสัญญาณเหล่านั้นได้ - การเพิ่มศักยภาพในการเชื่อมต่อ ประเด็นหลักที่สำคัญในการสื่อสารคือระยะทางการสื่อสาร เป็นที่ทราบกันว่าหากระยะทางการสื่อสารไกลมากสัญญาณข้อมูลจะมีการอ่อนตัวลงส่งผลให้ปลายทางไม่สามารถรับสัญญาณข้อมูลได้
จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาเครื่องกระตุ้นสัญญาณการส่งสัญญาณแอนะล็อก และเครื่องทวนสัญญาณสำหรับสัญญาณดิจิทัลเพื่อสนับสนุนให้การสื่อสารสามารถทำได้ในระยะทางไกล การตรวจสอบสายเคเบิลที่ใช้เชื่อมต่อเป็นระยะ
จะช่วยให้ศักยภาพในการเชื่อมต่อไม่ตกลงเนื่องจากสภาวะการสื่อสารจะเสียหายได้หากสายเคเบิลที่ใช้เชื่อมต่อวงจรมีการชำรุดเสียหาย การตรวจสอบสภาพของสายเคเบิลเป็นอีกระบวนการหนึ่งที่ละเลยไม่ได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
การตรวจจับความผิดพลาดในวงจรการสื่อสาร
ในวงจรการสื่อสารมีการป้องกันความผิดพลาดที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ทางกายภาพและเชิงตรรกะ ความผิดพลาดเหล่านั้นก็ไม่สามารถกำจัดออกไปได้อย่างสมบูรณ์
การพัฒนาการตรวจจับความผิดพลาดในวงจรการสื่อสารเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้การสื่อสารมีความสมบูรณ์มากขึ้น
ความผิดพลาดในการส่งข้อมูลแบ่งออกได้ 2 รูปแบบ คือ ความผิดพลาดแบบบิตเดียว และความผิดพลาดหลายบิต จำนวนบิตที่ผิดพลาดจะนับจากบิตแรกจนถึงบิตสุดท้าย
แม้ว่าจะมีบิตที่ถูกอยู่ระหว่างกลางก็ตามบิตเหล่านี้จะถูกรวมไปกับจำนวนบิตที่มีความผิดพลาดด้วย วิธีการตรวจจับความผิดพลาดในวงจรการสื่อสารมีดังต่อไปนี้
- การตรวจสอบเสียงสะท้อน ในช่องทางการสื่อสารเป็นการตรวจสอบพื้นฐานที่สุดในการส่งข้อมูลในวงจรการสื่อสาร มีการสะท้อนกลับของสัญญาณสู่แหล่งข้อมูลต้นทางแล้ว
การแก้ไขบิตที่มีความเสียหายอันเกิดจากการสะท้อนกลับของสัญญาณนั้นๆ การตรวจสอบที่นิยมใช้ คือ การคำนวณหาหลักที่ผิดพลาดภายในข้อมูลที่ส่งไปในช่องทางการสื่อสาร
ซึ่งรูปแบบการคำนวณจะทำซ้ำอีกครั้งเมื่อข้อมูลถูกส่งถึงปลายทางเรียบร้อยแล้ว - การตรวจสอบด้วยส่วนซ้ำซ้อนตามยาว หรือเรียกว่า แอลอาร์ซี หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เอชอาร์ซี ความสามารถในการตรวจสอบด้วยการใช้บิตสามารถใช้ความผิดพลาดแบบบิตเดียว
ในกรณีของการเกิดความผิดพลาดแบบกลุ่มสามารถตรวจสอบได้เฉพาะกรณีที่จำนวนบิตที่ผิดพลาดมีจำรวนคี่เท่านั้น จึงมีการพัฒนาวิธีการตรวจสอบแบบส่วนซ้ำซ้อนตามยาวที่มีการนำหลักการ
ของการตรวจสอบส่วนซ้ำซ้อนตามแนวตั้งมาประยุกต์เป็นลักษณะของบิตภาวะสองมิติ ซึ่งนำข้อมูลแต่ละตัวอักษรมาเรียงเป็นบล็อกข้อมูลแล้วประยุกต์ใช้บิตภาวะในแนวตั้งและแนวนอนเพื่อหาบิตที่ใช้ในการตรวจสอบ - การตรวจสอบด้วยส่วนซ้ำซ้อนแบบวน หรือซีอาร์ซี วิธีการของแฮมมิงโคตไม่สามารถตรวจสอบหรือยืนยันความผิดพลาดได้อย่างสมบูรณ์
การตรวจสอบที่นิยมใช้ในปัจจุบัน คือ การตรวจสอบด้วยส่วนซ้ำซ้อนแบบวน ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ต้องการส่ง เรียกว่า การตรวจสอบความผิดพลาดเชิงพหุนาม วิธีการนี้จะมีความซับซ้อนมากกว่าวิธีการต่างๆ
มีความถูกต้องแม่นยำสูงไม่ว่าความผิดพลาดนี้เป็นความผิดพลาดแบบบิตเดียวหรือความผิดพลาดแบบหลายบิตก็ตาม
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
การแก้ไขความผิดพลาดในวงจรการสื่อสาร
ในวงจรการสื่อสารมีการส่งข้อมูลมีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้ตลอดเวลา มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อป้องกันและตรวจจับความผิดพลาดต่างๆ มีการตรวจพบว่าการส่งข้อมูลมีความผิดพลาดเกิดขึ้น
การทำงานของวงจรการสื่อสารจำเป็นต้องหาวิธีการแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการส่งข้อมูลให้มีความสมบูรณ์เกิดขึ้น วิธีการแก้ไขความผิดพลาดในวงจรการสื่อสารมีดังนี้
- การส่งข้อมูลใหม่ การแก้ไขความผิดพลาดในการส่งข้อมูลที่พื้นฐานที่สุด เมื่อตรวจพบว่าข้อมูลที่ส่งมาแตกต่างจากข้อมูลต้นฉบับ ไม่สามารถรับข้อมูลได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
หน่วยรับข้อมูลจะส่งข้อมความแจงกลับไปยังแหล่งส่งข้อมูลต้นทางโดยอัตโนมัติเพื่อให้ส่งข้อมูลกลับมาให้ใหม่ เรียกว่า การร้องขอซ้ำโดยอัตโนมัติ หรือเรียกสั้นๆ ว่า เออาร์คิว
ลักษณะของการทำงานในวงจรการสื่อสารคือแหล่งข้อมูลต้นทางจะต้องเก็บข้อมูลที่ต้องการส่งไว้ที่พักข้อมูลก่อนที่จะลบทิ้งเมื่อได้รับการตอบรับจากแหล่งรับข้อมุลปลายทาง
คำร้องขอข้อมูลใหม่เกิดขึ้นที่พักข้อมูลจะถูกจัดส่งให้แก่แหล่งรับข้อมูลในทันที เมื่อได้รับการตอบรับเรียบร้อยแล้วแหล่งข้อมูลต้นทางจะลบข้อมูลที่ที่พักข้อมูลทิ้งเพื่อนำข้อมูลใหม่บันทึกเพื่อรอส่งต่อไป - การใช้กลยุทธ์ในการควบคุมการส่งแบบหยุดและรอการตอบกลับอัตโนมัติ เป็นวิธีพื้นฐานเพื่อควบคุมการส่งข้อมูลที่ใช้เวลาในการส่งยาวนานที่สุด
- การใช้กลยุทธ์การตอบกลับอัตโนมัติแบบต่อเนื่อง เป็นการพัฒนาการควบคุมการส่งข้อมูลจากการส่งแบบหยุดและรอ สามารถแบ่งได้ 2 วิธีย่อย คือ วิธีการย้อนกลับ และการเลือกส่งซ้ำ
- การแก้ไขความผิดพลาดล่วงหน้า การประยุกต์ใช้เทคนิคในการแก้ไขข้อมูลที่มีราคาแพงที่สุดเมื่อตรวจสอบพบว่ามีความผิดพลาดในการส่งข้อมูลเกิดขึ้น
การแก้ไขความผิดพลาดมี 3 วิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือ การประยุกต์ใช้เทคนิคแฮมมิงโคดเพื่อการแก้ไขข้อมูลเมื่อตรวจพบว่าข้อมุลที่ส่งนั้นมีความผิดพลาดเกิดขึ้น, บอส-เขาว์โฮรีโคด
เป็นวิธีที่สองใช้บิต 10 บิตในทุกครั้งของการตรวจสอบความผิดพลาดของข้อมูลที่นำส่งจำนวน 21 บิต, และวิธีฮาร์เกลบาร์เกอร์โคดเป็นวิธีที่สามเป็นที่ยินยอมให้หน่วยรับข้อมูลปลายทางสามารถแก้ไข
ความผิดพลาดได้ถึง 6 บิตที่ต่อเนื่องกันในกรณีที่มีกระแสบิตที่ถูกต้องไม่น้อยกว่า 19 หลักบิตที่ผิดพลาดเหล่านั้นวิธีนี้เป็นวิธีที่มีการลงทุนแพงกว่าวิธีการแก้ไขความผิดพลาดอื่นๆ
การส่งข้อมูลแบบสื่อสารทางเดียวอาจเป็นวิธีการสื่อสารที่มีความเหมาะสมในการประยุกต์ใช้เทคนิคภายใต้งบประมาณการลงทุนที่สมเหตุสมผลได้
Related link : รั้วไฟฟ้า สัญญาณกันขโมย
คำถามที่พบบ่อยมักจะเกี่ยวข้องกับการเลือกซื้อ, ติดตั้ง, และการใช้งาน กล้องวงจรปิด Hiview
1. กล้องวงจรปิด Hiview มีรุ่นไหนที่เหมาะสมกับการใช้งานที่บ้าน?
- ประเมินรุ่นที่เหมาะสมตามความต้องการ เช่น คุณภาพภาพ, การเชื่อมต่อไร้สาย, ฟังก์ชันตรวจจับการเคลื่อนไหว
2. การติดตั้งกล้อง Hiview ทำได้ง่ายหรือไม่?
- สำรวจว่าการติดตั้งต้องใช้เครื่องมือพิเศษหรือความรู้เฉพาะทางหรือไม่ บางรุ่นอาจติดตั้งได้ง่ายด้วยตัวเอง
3. ต้องการงบประมาณเท่าไหร่ในการติดตั้งกล้อง Hiview?
- พิจารณาต้นทุนของกล้องและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น อุปกรณ์เสริม, การติดตั้ง
4. กล้อง Hiview สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้หรือไม่?
- ตรวจสอบความสามารถในการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนสำหรับการดูและควบคุมระยะไกล
5. กล้องมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์หรือไม่?
- สอบถามเกี่ยวกับฟังก์ชันการแจ้งเตือนเมื่อมีการตรวจจับการเคลื่อนไหว
6. กล้อง Hiview มีความทนทานต่อสภาพอากาศหรือไม่?
- พิจารณาความทนทานต่อสภาพอากาศเช่น ฝน, แดด, ความชื้น
7. กล้อง Hiview ต้องการการบำรุงรักษาอย่างไร?
- ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบำรุงรักษาประจำ เช่น การทำความสะอาด, การตรวจสอบเทคนิค
8. มีความปลอดภัยของข้อมูลและการเข้ารหัสหรือไม่?
- ตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกส่งและเก็บบันทึก
9. การติดตั้งกล้อง Hiview ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายหรือไม่?
- ทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
10. มีบริการหลังการขายหรือการสนับสนุนทางเทคนิคหรือไม่?
- ตรวจสอบเกี่ยวกับการบริการหลังการขายและการสนับสนุนทางเทคนิคจากผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย
การตอบคำถามเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่สนใจในการติดตั้งกล้องวงจรปิด Hiview ได้ข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจและเตรียมการติดตั้งอย่างเหมาะสม.
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา