ความปลอดภัยในการใช้งาน กล้องวงจรปิดภายในบ้าน

แนวคิดเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์ เกิดขึ้นเนื่องจากบุคคลที่มีเจตนาร้ายเข้ามาทําลาย ข้อมูลภายในระบบคอมพิวเตอร์ด้วยรูปแบบแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการส่งไวรัสเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งมีผลทําให้ข้อมูล ต่างๆ

เกิดความเสียหาย หรือการโจรกรรมข้อมูลที่เป็นความลับซึ่งมีความสําคัญด้านการแข่งขันทางธุรกิจ และความมั่นคง ของชาติ หรือการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น เป็นต้น ดังนั้นตัวบุคคลและองค์กรต่างๆ

จึงต้องมีการเพิ่มความสามารถ ในการรักษาความปลอดภัยให้กับระบบคอมพิวเตอร์ของตนให้มากขึ้น รวมถึงต้องตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบใน การใช้งานคอมพิวเตอร์ของตนเองที่มีต่อผู้อื่นด้วย

กล้องวงจรปิดภายในบ้าน

                ผู้ที่มีความสามารถผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาได้มี 2 ประเภท ได้แก่ Hacker และ Cracker โดยจะมี วิธีในการเข้าใช้ระบบหลายวิธีด้วยกัน แต่โดยทั่วไป จะเข้าสู่ระบบโดยใช้การ Log In แบบผู้ใช้ทั่วๆ ไป ข้อแตกต่างระหว่าง Hacker และ Cracker ก็คือ

จุดประสงค์ของการลักลอบเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผู้อื่น ดังนี้

                – Hacker คือ ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถในการถอดรหัส กล้อง หรือเจาะรหัสของระบบรักษาความปลอดภัย ของเครื่องคอมพิวเตอร์คนอื่นได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบขีดความสามารถของระบบและของตนเอง เท่านั้น

หรืออาจจะทําไปตามหน้าที่ โดยไม่มีเจตนาที่จะลักลอบข้อมูลหรือมีเจตนาร้ายแต่อย่างใด เช่น ผู้ที่มี หน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายหรือองค์กร

เพื่อทําการทดสอบประสิทธิภาพของ ระบบว่ามีจุดบกพร่องใดเพื่อแก้ไขต่อไปเท่านั้น เป็นต้น

             – Cracker คือ ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถในการถอดรหัส หรือเจาะรหัสของระบบรักษาความปลอดภัย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบุกรุกระบบหรือเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์คนอื่นเพื่อ ของเครื่องคอมพิวเตอร์คนอื่นได้ ขโมยข้อมูลหรือทําลายข้อมูลคนอื่นโดยผิดกฎหมาย

 

 

ภัยคุกคามระบบรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ แบ่งออกได้ 5 รูปแบบ

1. ภัยคุกคามแก่ระบบ

เป็นภัยคุกคามจากผู้มีเจตนาร้ายเข้ามาทําการปรับเปลี่ยน แก้ไข หรือลบไฟล์ข้อมูลสําคัญภายใน คอมพิวเตอร์ แล้วส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบคอมพิวเตอร์ ทําให้ไม่สามารถใช้งานได้ ตัวอย่างเช่น Cracker แอบเจาะเข้าไปในระบบเพื่อลบไฟล์ระบบปฏิบัติการ เป็นต้น

2. ภัยคุกตามความเป็นส่วนตัว

เป็นภัยคุกคามที่ Cracker เข้ามาทําการเจาะข้อมูลส่วนบุคคล หรือติดตามร่องรอยพฤติกรรมของผู้ใช้งาน แล้วส่งผลให้เกิดความเสียหายขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้โปรแกรมสปาย (Spyware)

ติดตั้งบนเครื่อง คอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่น และส่งรายงานพฤติกรรมของผู้ใช้ผ่านทางระบบเครือข่ายหรือทางอีเมล์ไปยัง บริษัทขายสินค้า เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการส่งโฆษณาขายสินค้าต่อไป เป็นต้น

3. ภัยคุกคามต่อทั้งผู้ใช้และระบบ

เป็นภัยคุกคามที่ส่งผลเสียหายให้แก่ผู้ใช้งาน และเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ใช้ Java Script หรือ Java Applet ทําการล็อคเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ให้ทํางาน หรือบังคับให้ผู้ใช้งานปิดโปรแกรมบราวเซอร์ขณะใช้งานอยู่ เป็นต้น

4. ภัยคุกคามที่ไม่มีเป้าหมาย

เป็นภัยคุกคามที่ไม่มีเป้าหมายแน่นอน เพียงแต่ต้องการสร้างจุดสนใจ โดยปราศจากความเสียหายที่จะ เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น ส่งข้อความหรืออีเมล์มารบกวนผู้ใช้งานในระบบหลายๆ คน ในลักษณะที่เรียกว่า “Spam” เป็นต้น

5. ภัยคุกคามที่สร้างความรําคาญ

เป็นภัยคุกคามที่สร้างความรําคาญ โดยปราศจากความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น แอบเปลี่ยนการตั้งค่าคุณลักษณะในการทํางานต่างๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ จากเดิมที่เคยกําหนดไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น

 

 

                จากความสําคัญของข้อมูล และภัยคุกคามต่างๆ เหล่านี้ ทําให้สามารถแบ่งลักษณะการรักษาความปลอดภัยบน คอมพิวเตอร์ตามลักษณะการใช้งานได้ 3 ลักษณะ คือ  การรักษาความปลอดภัยในองค์กร

การรักษาความปลอดภัยบน เครือข่ายอินเตอร์เน็ต และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

Related link :  ร้านติดตั้งรั้วไฟฟ้ากันขโมย     อุปกรณ์สัญญาณกันขโมยไร้สาย