ในการบริการดูวิดีโอออนไลน์ผ่าน เครือข่ายได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการประมาณว่ามีปริมาณของการส่งผานข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเกือบ 1/3 เป็นการดูหนังออนไลน์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไพรม์ไทม์อาจสูงถึง 70% ข้อตกลงตามโครงสร้างของการเชื่อมต่อของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไม่ได้ถูกออกแบบ หรือ ตกลงไว้สำหรับรองรับกรณีที่ผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งเป็นผู้สร้าง หรือ
ส่งผ่านข้อมูลปริมาณมหาศาลนี้ โดยการเชื่อมต่อของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะมีลักษณะเป็นแบบเพียริง คือผู้ให้บริการแต่ละโครงข่ายจะมีโครงข่ายเป็นของตนเอง และใช้ในการเชื่อมต่อให้กับลูกค้าของตนเอง
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
ระบบกล้องวงจรปิด CCTV
ในขณะที่ผู้ใช้บริการอาจซื้อบริการอินเทอร์เน็ตจากบริษัทอื่น ๆ และผู้ให้บริการเครือข่ายเหล่านี้ จะมีการตกลงสัญญาการเชื่อมต่อกันที่เรียกว่าเพียริง โดยในสัญญาจะระบุว่าจะไม่คิดค่าใช้จ่ายในการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
และมีความคาดหมายว่าข้อมูลที่ส่งและรับจะมีปริมาณใกล้เคียงกัน และจากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญสามารถแก้ปัญหาความเร็วของการให้บริการแก่ลูกค้าของตนเองได้ด้วยการลงทุนปรับปรุงแบนด์วิดท์
โครงการ Internet.org
เป็นโครงการที่ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่ประชากรอีกกว่า 2 ใน 3 ของโลกที่ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
และให้เข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ในราคาย่อมเยา เพื่อจะทำให้คนทั่วโลกได้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตระดับพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและมีราคาถูกที่พอรับได้สำหรับผู้ใช้ที่มีรายได้ไม่สูงนัก
Internet.org การที่ให้บริการเครือข่ายทางอินเทอร์เน็ตในราคาที่ไม่แพงแก่ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายปกติได้เพื่อให้บริการเข้าถึงเว็บไซต์จำนวนมากและผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงเครือข่ายอื่นๆ ในราคาประหยัด
ในเงื่อนไขที่เจ้าของเนื้อหาได้พัฒนาเพื่อให้เชื่อมต่อกับเครื่อข่ายนี้แล้ว และในปัจจุบันการให้บริการของ Internet.org ได้บริการในหลายประเทศ
หลัการสำคัญของความเป็นกลางของเครือข่าย การให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างเท่าเทียมกัน และไม่ถูกกีดกันทางการเข้าถึงผู้ให้บริการไม่มีการคิดค่าบริการเพิ่ม
รวมถึงไม่จำกัดการให้บริการเว็บไซต์ใดโดยเฉพาะ ผู้ให้บริการไม่ควรลำเอียงโดยการลดคุณภาพในการบริการของคู่แข่งในกรณีที่ผู้ให้บริการประกอบธุรกิจที่แข่งกับส่วนของผู้ผลิตเนื้อหาด้วย
และถ้าจำเป็นจะต้องมีกฎข้อบังคับเกี่ยวกับความเป็นกลางของเครือข่ายมาควบคุม จะมีแนวทางจัดการอย่างไรให้ไม่ขัดกับการบริการอินเทอร์เน็ตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และสิทธิในการแข่งขันของธุรกิจ
และถ้าหากมีการผ่อนปรนหลักความเป็นกลางขของเครือข่ายบ้างเพื่อประโยชน์ต่อผู้ด้อยโอกาสในการเข้าถึงอินทอร์เน็ตถือว่าเป็นธรรมได้ แล้วจะดูยังไรว่าใครเป็นผู้ด้อยโอกาส หรือ
บริการประเภทใดควรถูกจัดให้เป็นบริการอินเทอร์เน็ตที่ทุกคนเข้าถึงได้และให้การยกเว้นกฏความเป็นกลางของเครือข่ายบางประการได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
คลาวด์คอมพิวติง
คลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing) หมายถึง “ระบบประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ” เป็นระบบที่เอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต เน้นความยืดหยุ่นและสนองความต้องการของผู้ใช้งาน
การจัดสรรทรัพยากรที่หลากหลาย รวมถึงการสั่งงานได้จากระยะไกล โดยส่วนมีไว้เพื่อจัดเก็บข้อมูล หรือ ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ซึ่งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไม่สามารถตอบสนองได้
ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ หรือ ระบบแต่เป็นการเช่าใช้งานผ่านผู้ให้บริการที่จัดทำระบบให้แล้ว จุดเด่นของระบบคลาวด์ที่แตกต่างจากเซิร์ฟเวอร์ก็คือข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในระบบคลาวด์นั้น
จะอยู่อย่างกระจัดกระจายและมีการทำซ้ำไปยังเครื่องแม่ข่ายอื่น ๆ ที่นำมาเชื่อมต่อกันในระบบนั้น ทำให้ข้อมูลไม่ได้รวมกลุ่มอย่างชัดเจนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งเป็นการป้องกันการสูญหายของข้อมูล และการเรียกใช้งานได้พร้อม ๆ กัน
ในการใช้งานในระบบคลาวด์เพื่อความมั่นใจผู้ใช้บริการจึงควรทำความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยอันเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้งาน
ระบบคลาวด์มีกลไกควบคุมการเข้าถึงทำให้การรักษาความลับที่ทำร่วมกับกลไกในการพิสูจน์ตัวตนของผูที่เข้ามาใช้งานในระบบว่าเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตและมีสิทธิในการเข้าถึงส่วนใดได้บ้าง
มีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อป้องกันความลับของข้อมูลในระหว่างการส่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และมีวิธีพิสูจน์ตัวตนของผู้ใช้งานมีหลักการอยู่ 3 วิธีคือ
- บางสิ่งที่คุณมี เช่น รหัสผ่าน หรือ ชุดคำถามลับ
- บางสิ่งที่คุณรู้ คือ รหัสผ่านที่ใช้งานได้ครั้งเดียว
- บางสิ่งที่คุณเป็น เช่น ลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ
ปกติการเข้าระบบเรามักจะทำการกรอกรหัสผู้ใช้งาน เพื่อยืนยันตัวตนเป็นหลัก แต่ในบางบริการอินเทอร์เน็ตจะมีการใช้การพิสูจน์ในรูปแบบต่าง ๆ
โดยพิสูจน์ตัวตนในข้างต้นมาผสมผสานกันเพื่อความปลอดภัยจากการเรารหัส การโจมตเพื่อให้ได้รหัสผ่านจากช่องทางที่ไม่พึงประสงค์
- ความถูกต้อง ระบบคลาวด์ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจะถูกป้องกันไม่ได้แก้ไข หรือ เปลี่ยนแปลงข้อมูล ผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะตรวจสอบการแก้ไข หรือ เปลี่ยนแปลงข้อมูลได้
- ความพร้อมใช้งาน ระบบคลาวด์มีกลไกป้องกันหารหยุดให้บริการอย่างไม่ตั้งใจและมีแผนในการกู้คืนระบบ เพื่อความพร้อมหากมีการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป
การโจมตีเพื่อเข้าสู่ระบบคลาวด์ เพื่อไปสู่ตัวตนนั้น ทำได้ง่าย ๆ เพียงอาศัยข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐานที่เราเผยแพร่อย่างทั่วไปบนอินเทอร์เน็ต
เพราะข้อมูลจะทำหน้าที่ในการยืนยันตัวตน การโจมตีด้วยวิธีนี้ยังไม่ต้องใช้ความชำนาญทางคอมพิวเตอร์มากนัก และแม้เราจะป้องกันการเข้าถึงด้วยการเปิดใช้การยืนยันแล้วก็ตาม
ถ้ามีข้อมูลที่สำคัญมากหากหลุดไปแล้วอาจจะสร้างความเสียหายได้ ก็ควรที่ต้องตั้งรหัสเพื่อผ่านการเข้าถึงข้อมูลด้วยตนเองอีกครั้ง เพื่อป้องกันความผิดพลาดจาการจัดการภายในของระบบคลาวด์
การเข้ารหัสข้อมูลที่แข็งแรงเพียงพอจะทำหเรามั่นคงในความปลอดภัยของข้อมูลได้อีกระดับหนึ่ง
การป้องกันความเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัว และถูกนำข้อมูลไปใช้ในการที่ไม่ดี
- ควรเปิดใช้ระบบการยืนยันตัวตนหลาย ๆ ปัจจัย และควรจะกำหนดรหัสผ่านที่ยากต่การคาดเดา
- ควรตั้งรหัสผ่านคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่หวังดีเข้ามาใช้งานโดยที่เราไม่ยินยอม
- ตรวจสอบ และอัพเดตซอฟแวร์ต่าง ๆ จากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้
- ให้คอยสังเกตุเว็บไซต์ที่กำลังใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ว่า มีการส่งต่อข้อมูลให้เราอย่างปลอดภัยด้วยการใช้ระบบ HTTPS หรือ ไม่
- ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป เช่น วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่อยู่ หรือ ข้อมูลสำคัญทางธุรกรรมต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต
- ไม่ควรหลงเชื่อข้อมูลที่ส่งฝ่านอีเมล์ หรือ โปรแกรมแชทต่าง ๆ โดยง่าย
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
กฎหมายแรงงาน
แซทในเวลาทำงาน ว่าด้วยสิทธินายจ้างและแรงงาน
ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทและมีความสำคัญอย่างมาก สถานที่ทำงานแม้แต่หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจก็ใช้เครือข่ายออกนไลน์ในการติดต่อระหว่างกันกับหน่วยงานนายจ้างและลูกน้อง หรือ
ใช้ในการติดต่อกับลูกค้า ซึ่งบางกรณีก็ยากต่อการพิสูจน์ว่าขอบเขตความเหมาะสมในการใช้อินเทอร์เน็ตและโซเซียลในที่ทำงานมีอยู่มากน้อยเพียงใด เช่น
ในกรณีที่เกิดข้อพิพาทในการใช้อินเทอร์เน็ตและโซเซียลในที่ทำงานของลูกจ้างทำให้นายจ้างเลิกจ้างโดยชอบด้วยกฏหมายและไม่ต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้า หรือ ไม่ มีประเด็นดังนี้
- การเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม กฏหมายไม่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าการกระทำในลักษณะใดเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมเพียงแต่มีบัญญัติไว้
ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน “การพิจารณาคดีในกรณีนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างง ถ้าศาลแรงงานเห็นว่าการเลิกจ้างนั้นไม่ป็นธรรมต่อลูกจ้าง
อาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างนั้นเข้าทำงานต่อไปในอัตราค่าจ้างที่ได้รับในขณะที่เลิกจ้าง หรือ ถ้าศาลแรงงานเห็นว่าลูกจ้างและนายจ้างไม่อาจทำงานร่วมกันต่อไปได้
ศาลแรงงานก็จะกำหนดค่าเสียหายเพื่อให้นายจ้างชดใช้แทนให้ โดยจะคำนึงถึงอายุของลูกจ้าง ระยะเวลาการทำงาน ความเดือดร้อนของลุกจ้างเมื่อถูกเลิกจ้าง มูลเหตุการณ์เลิกจ้าง
และเงินค่าชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับ นำไปประกอบในการพิจารณา” แม้ว่าการตัดสินนั้นจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลก็ตาม แต่ศาลก็ไม่สามารถใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจได้
ต้องอาศัยข้อเท็จจริงในการตัดสินและปัจจัยอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนดมาประกอบในการพิจารณา - การเลิกจ้างโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า กฎหมายได้มีการกำหนดเรื่องการบอกกล่าวล่วงหน้าในเรื่องการจ้างงาน ก็เพื่อจะคุ้มครองฝ่ายที่ถูกบอกเลิกจ้างให้มีเวลาเตรียมตัวกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
หากนายจ้างต้องการเลิกจ้างแบบไม่ได้บอกล่วงหน้าก็สามารถกระทำได้ แต่ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฏหมายได้กำหนดไว้ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ การเลิกจ้างจะต้องเกิดจากเหตุใดเหตุหนึ่งดังนี้
- ลูกจ้างจงใจขัดคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง
- ละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างเป็นประจำ
- ละทิ้งการงาน
- กระทำความผิดอย่างร้ายแรง
- ทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตก็ดี
นายจ้างจึงจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่ต้องเสียค่าสินไหมทดแทน หากนายจ้างเลิกจ้างโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าแต่เหตุของการเลิกจ้างไม่ได้มาจากเหตุผลข้างต้น
นายจ้างจะต้องเสียค่าสินไหมทดแทนและลูกจ้างย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกร้องให้นายจ้างจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้
ศาลได้วางมาตรฐานในการตัดสินข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของลูกจ้างเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตในที่ทำงาน เมื่อพิจารณาบทบาทและความจำเป็นของอินเทอร์เน็ตและโซเซียลในปัจจุบัน
คำตัดสินของคดีได้กลายเป็นบรรทัดฐานสำคัญที่อาจจะกระทบต่อนายจ้างและลูกจ้างหลาย ๆ คน แม้ในคดีนี้ศาลได้ตัดสินให้นายจ้างชนะคดีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจ้างที่ใช้อินเทอร์เน็ต หรือ
โซเซียลในที่ทำงานจะถูกเลิกจ้างทั้งหมด ยังคงต้องพิจารณาเป็นรายกรณีรวมถึงนำปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างมาประกอลการพิจารณาด้วย เช่น หน้าที่ความรับผิดชอบของลูกจ้าง ผลกระทบกับงาน หรือ วัฒนธรรมขององค์กร
ในบางบริษัทอาจมีการติดตั้งโปรแกรมการตรวจจับ หรือ บันทึกการทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัท โปรแกรมประเภทนี้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลการใช้งานทั้งหมดในแต่ละวันของการใช้งานว่ามีโปรแกรมอะไรบ้าง
ใช้เวลานานเท่าไหร่ และมีการพิมพ์อะไรลงไปในเครื่องบ้าง และยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้อก็คือ การตรวจสอบประวัติการใช้งานของเราท์เตอร์ หรือ จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
แต่วิธีนี้ตรวจสอบได้เฉพาะการใช้งานอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ตามข้อมูลที่ได้จากโปรแกรม หรือ จากบันทึกการใช้งานอินเทอร์เน็ตนี้สามารถนำมาใช้เป็นเหลักฐานที่สำคัญในคดีได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
ความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูล
การเก็บข้อมูลทำแผนที่ของ Google กับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
ในปัจจุบันกูเกิลได้มีการให้บริการแผนที่ให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลสถานที่และเส้นทางต่อมาได้เพิ่มเติมกูเกลสตรีทวิวเข้ามาด้วย ผู้ใช้งานสามารถคลิก
เพื่อวางไอคอนลงบนแผนที่เพื่อที่จะได้เห็นข้อมูลพื้นที่จริงในลักษณะภาพถ่ายเหมือนกับตนเองได้เดินอยู่บนถนนในพื้นที่นั้น ๆ ในการทำแผนที่ได้ใช้เครื่องมือเก็บข้อมูล
ที่อาจติดตั้งบนรถยนต์ หรือ ยานพาหนะอื่นที่เหมาะสมกับการเข้าไปในแต่ละพื้นที่ ในระยะแรกการเก็บข้อมูลของกูเกิลทำให้ประชาชนเกิดความกังวลในแง่ของสิทธิส่วนบุคคล
เนื่องจากการเก็บข้อมูลอาจติดภาพของบุคคลที่ระบุตัวตนได้ แต่ทางกูเกิลก็ได้ออกมาชี้แจงว่าขอบเขตของการเก็บข้อมูลนั้นจำกัดเฉพาะถนนสาธารณะ และถ้าพบภาพที่ไม่เหมาะสมก็สามารถที่จะรายงานเพื่อให้ทางกูเกิลนำภาพออกมาได้
เราจะพบว่ากฎหมายแพ่งของไทยไม่ได้บัญญัติหลักกฎหมายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไว้เป็นการเฉพาะ การฟ้องคดีละเมิดสิทธิส่วนบุคคลจึงต้องอาศัยหลักกฏหมายละเมิดทั่วไป
อาจมีข้อเสนอหลายแนวทาง เช่น การปรับปรุงแก้ไขกฏหมายแพ่งโดยกำหนดหลักการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เป็นหลักความรับผิดการละเมิดโดยแยกออกจากการละเมิดทั่วไป หรือ
การตีความปรับใช้กฏหมายลักษณะละเมิดตามหลักทั่วไปกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือ แม้ว่าการกระทำการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวจะเข้าองค์ประกอบละเมิด
แต่ก็เป็นการยากที่จะหาหลักฐาน หรือ คำกล่าวอ้างที่ชัดเจนมาพิสูจน์ความผิดได้
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542
การคุ้มครองผู้บริโภค
การสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขายออนไลน์
ร้านค้าที่ต้องการใช้เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือ จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเพื่อช่วยให้การซื้อขายออนไลน์มีประสิทธิภาพ และ ปลอดภัย มาตรฐานโดยทั่วไปแบ่งออออกกกเป็น 3 ส่วนดังนี้
- แสดงข้อมูลพื้นฐานของสินค้าให้ครบถ้วน โดยรักษาข้อมูล และ ความปลอดภัยส่วนบุคคล และ ส่วนติดต่อแสดงรายละเอียด ต้องเข้าถึง และ เข้าใจได้ง่าย
- มีมาตรการจัดส่งสินค้า และ การชำระเงิน มาตรการยกเลิกการซื้อ มาตรการชดเชยหากในขั้นตอนส่งสินค้าเสียหาย เป็นต้น
- ร้านค้าต้องผ่านเกณฑ์การประเมินการตรวจสอบ
ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจกับทั่วโลก หากมีความเสียหายเกิดขึ้นในการทำธุรกิจบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การแก้ปัญหาด้วยกฎหมายก็อาจเป็นไปด้วยความล่าช้ หรือ
บางครั้งก็อาจถึงกับไม่สามารถช่วยคุ้มครองได้หากปัญหานั้นมีความซับซ้อน เช่น ในกรณีที่กฎหมายความคุ้มครองผู้บริโภคของแต่ละประเทศไม่เหมือนกันมีข้อแตกต่างกัน
การที่จะช่วยให้ความคุ้มครองกับผู้บริโภคออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้การกำกับดูแลกันเองของภาคเอกชน
มาตรฐานการซื้อขายเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความเชื่อมั่นต่อการทำธุรกิจซื้อขายออนไลน์ ต้องสร้างมาตรฐานการซื้อขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ต
โดยการติดต่อซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตข้ามประเทศ และ ข้ามวัฒนธรรม เพราะมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วทุกมุมโลก ย่อมมีธรรมเนียม และ วิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันในการดำเนินธุรกิจ
มาตรฐานในการซื้อขาย จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างความเชื่อมั่น
เมื่อก่อนยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองการซื้อขายออนไลน์อย่างเป็นระบบ เมื่อเกิดความผิดพลาดจากการซื้อขาย ก็ได้รับการชดเชยหากสินค้าเกิดความเสียหาย
การคุ้มครองเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายอาจไม่เป็นธรรม ต่อมาปี ค.ศ. 1999 ก็ได้มีมาตรฐานรับรองความเชื่อมั่นในการซื้อขายทางอินเทอร์เน็ตจากผู้รับรองอื่น ๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย ทั้งภาคเอกชน และ ภาครัฐ และ
ต่อมาก็ได้มีความพยายามร่วมกลุ่มกันเป็นพันธมิตรรับรองจากทั่วโลก และ ได้ขยายความรวมมือไปยังกลุ่มประเทศยุโรป
กูเกิลทรัสต์ติดสโตร์ ทำหน้าที่เป็นทั้งตรารับรอง และ เป็นระบบรวมสรุปรายละเอียดสำคัญที่มีผลต่อการเลือกซื้อหาในร้านออนไลน์นั้น ๆ วันเวลาในการส่งสินค้า นโยบายต่าง ๆ
ในการคุ้มครองลูกค้า สัญญลักษณ์ตรารับรองมาตรฐานให้แก่ผุ้เข้าร่วมโครงการเพื่อเป็นเครื่งหมายยืนยันความน่าเชื่อถือของสินค้า และ บริการนั้น ๆ
จากความร่วมมือของผู้ให้บริการ และ ถือเป็นการต่อยอดความคิดจากการออกเครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือของการซื้อขายออนไลน์ และ ทำให้ธุรกิจบนโลกอินเทอร์เน็ตมีโอกาสพัฒนาได้ต่อไป
ปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งทางภาครัฐ และ เอกชนออกเครื่องหมายรับรองความเชื่อมั่นในการซื้อขายสินค้ามากกว่า 37 ตรามาตรฐานทั่วโลก ทำให้เห็นว่า
มีตราที่รับรองความเชื่อมั่นในการซื้อขายออนไลน์อยู่อย่างหลากหลาย จึงเป็นโอกาสที่ก่อให้เกิดการแข่งขันเพื่อสร้างความเชื่อต่อผู้บริโภคออนไลน์ได้ต่อไป
สำหรับประเทศไทย เรามีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใต้สังกัดกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบการออกเครื่องหมายที่ใช้เพื่อรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
โดยออกให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิคเฉพาะนิติบุคคล โดยเครื่องหมายนี้จะช่วยบอกว่า เว็บไซต์นั้น ๆ ผ่านเกณฑ์ประเมินตามมาตรฐานคุณภาพธุรกิจที่มีการดำเนินกิจกรรมผ่านทางอินเทอร์เน็ต
เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนจึงมักจะขอเครื่องหมายรับรองไปพร้อมกันด้วย
Related link : ระบบสัญญาณกันขโมยไร้สาย รั้วไฟฟ้ากันขโมยราคาถูก
สอบถามข้อมูล สั่งซื้อ ขอใบเสนอราคา
HOT LINE : 081-700-4715, 02-888-3507-8, 081-721-5542