กล้องวงจรปิดซูมได้ กับฟีฟ่าโชว์เทคโนโลยี กล้องในฟุตบอลอัจฉริยะ เวิลด์คัพ 2014
กล้องวงจรปิดซูมได้ กับการแข่งเวิลด์คัพ 2014 หรือ มหกรรมฟุตบอลโลกครั้งนี้ระหว่างวันที่ 12 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม ที่ประเทศบราซิลเป็นเจ้าภาพนับเป็นทัวร์นาเมนต์กีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และ เป็นที่ทราบกันดีว่ามีหลายเทคโนโลยีที่ฟีฟ่าเข้ามามีบทบาทกับเวิลด์คัพครั้งนี้ ฟีฟ่าโชว์เทคโนโลยี กล้องในฟุตบอลอัจฉริยะ
“โกลไลน์แบบ 4D’’ (Goal Line 4D) ของบริษัทโกล คอนโทรล จำกัดจากประเทศเยอรมนีที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่าได้นำโกลไลน์แบบมาช่วยกรรมการ โดยแต่ละสนามจะติดตั้ง “กล้องวงจรปิด” จำนวน 14 ตัวโดยรอบเป็นครั้งแรกของฟุตบอลโลก กล้องเหล่านี้จะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และ ซอฟต์แวร์ (ซอฟต์แวร์อัจฉริยะ และ สมาร์ตวอทช์) ที่สามารถคำนวณการข้ามเส้นของลูกฟุตบอล และ ส่งสัญญาณเข้าสู่นาฬิกาข้อมือของผู้ตัดสินเพื่อเตือนว่าเป็นลูกที่ได้ประตู
“การวางระบบโกล์ไลน์ “เป็นเทคโนโลยีกล้องจับภาพที่จะช่วยตรวจสอบว่าลูกฟุตบอลข้ามเส้นประตู หรือ ไม่ สำหรับศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายที่บราซิล รวมถึงฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ ฟีฟา คลับ เวิลด์คัพ ที่โมร็อกโก และ คอนเฟเดอเรชั่นส์คัพที่บราซิลเมื่อปีก่อน แต่ไม่ได้ใช้งานอย่างจริงจัง เนื่องจากไม่มีเหตุการณ์น่ากังขาที่ทำให้ต้องใช้แต่ประการใด”
เทคโนโลยีโกลไลน์แบบ 4D หรือ 4 มิติ ของโกล์คอนโทรล ซึ่งมีมูลค่าเริ่มต้นเกือบ 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการใช้กล้องความเร็วสูง 14 ตัว ต่อสนามแข่งขัน 1 สนาม เพื่อจับภาพตำแหน่งของลูกฟุตบอลได้เร็วถึง 500 ภาพต่อวินาที พร้อมใช้ซอฟต์แวร์พิเศษที่สามารถคำนวณการข้ามเส้นของลูกฟุตบอลในแนวแกน X-Y-Z ได้แม้ลูกฟุตบอลจะมีความเร็วกว่าปรกติ 12 เท่า
เมื่อลูกฟุตบอลผ่านเส้นประตูสามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 วินาที ก่อนส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังนาฬิกาข้อมือ หรือ สมาร์ตวอทช์ของผู้ตัดสิน ช่วยให้การตัดสินมีความเที่ยงตรง และ น่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
สำหรับลูกฟุตบอลที่นำมาใช้แข่งขันเป็นลูกฟุตบอล “อาดิดาส บราซูก้า” (Adidas Brazuca) ผ่านการทดสอบจากนักฟุตบอลอาชีพกว่า 600 คน โดยอาดิดาสระบุว่าลูกฟุตบอลจะเผยคุณสมบัติพิเศษให้เห็นก็ต่อเมื่อผู้เล่นต้องการบังคับทิศทางของลูกฟุตบอลให้ผ่าน หรือ พุ่งไปที่ประตูอย่างแม่นยำได้นำเอาเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้กับลูกฟุตบอล มีความยืดหยุ่นสูงเมื่อถูกเตะออกไปลูกฟุตบอลที่เสียทรงจะคืนรูปเป็นทรงกลมทันทีที่ใช้งาน
ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการโปรโมทลูกฟุตบอลมีตาไปทั่วโลก เป็นลูกฟุตบอลอัจฉริยะกับการติดกล้อง 6 ตัวฝังในลูกฟุตบอล
ในส่วนของกูเกิลใช้เทคโนโลยีสตรีทวิว (Google Steet View) เพื่อนำพาไปชมภาพสนามแข่งขันทั้ง 12 สนาม และ ถนนสายต่าง ๆ พร้อมภาพสถานที่ทั่วบราซิลอีกกว่า 100 แห่ง โดยกูเกิลได้อัพเดต Google Maps ให้ผู้ใช้สามารถสำรวจสนามที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ผ่านทาง Google Steet View ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจพื้นที่รอบสนาม หรือ ภายในสนาม คุณก็สามารถเยี่ยมชมได้ในมุม 360 องศา แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานที่จริงก็ตาม
แว่นตาอัจฉริยะ “กูเกิล กลาส” ถูกนำมาใช้โดยสตาฟฟ์ของหลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมเนเธอร์แลนด์ ที่ได้นำมาบันทึกวีดิโอเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกซ้อม มองว่าจะมองเห็นการเคลื่อนไหว และ ลักษณะส่วนตัวของนักเตะได้มากกว่าเดิม รวมทั้งการใช้ชุดหูฟังเสมือนจริง Oculus Rift สามารถจำลองเกมการแข่งขัน หรือ สถานการณ์การฝึกซ้อมการใช้ได้
“ไอแพด” ถูกใช้โดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ติดตั้งแอพพลิเคชั่นพิเศษในเครื่องไอแพดของนักเตะทีมชาติอังกฤษทุกคน เพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและคลิปวิดีโอของคู่แข่ง
“โฟมล่องหน” หรือ “Aero Comex Futline” ผู้ติดสินในสนามต้องพกกระป๋องบรรจุโฟมล่องหน ไว้ทำเครื่องหมายจุดยิงฟรีคิก และ จุดยืนแนวกำแพง ซึ่งจะต้องห่างกัน 10 หลา เพื่อป้องไม่ให้ผู้เล่นเปลี่ยนจุดยืนกำแพง ซึ่งร่องรอยจะดังกล่าวจะหายไปภายใน 1 นาที
สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมนี (เดเอฟเบ) ติดตั้ง “ทวิตเตอร์วอลล์” (Twitter Wall) กำแพงไฮเทคที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และ ติดตั้งไว้ที่โรงแรมที่พักของนักเตะทีมอินทรีเหล็ก เพื่อให้แฟน ๆ ส่งข้อความให้กำลังใจนักเตะของพวกเขาในลักษณะของรูปภาพ พร้อมติดแท็ก #aneurerseite (แปลว่าอยู่ข้างคน) ข้อความต่าง ๆ จะฉายโชว์ขึ้นบนกำแพงให้ผู้เล่นเห็นด้วยกัน
การแข่งเวิลด์คัพเป็นครั้งแรกที่มีการจับภาพผ่านระบบ “อัลตร้า ไฮ เดฟินิชั่น” ซึ่งให้ความละเอียดมากกว่าระบบไฮ เดฟินิชั่น (HD) ถึง 4 เท่า และ ต้องทำงานร่วมกับเครือข่ายดาวเทียมที่สามารถรองรับการส่งข้อมูลได้ 100 เมกะบิต /วินาที ระบบดังกล่าวยังไม่แพร่หลายนัก และ จะอาศัย เวิลด์คัพ ครั้งนี้เป็นเวทีทดลอง
Related link :ค่าติดตั้งกล้องวงจรปิด รวมถึงจอมอนิเตอร์ประเภทต่าง ๆ